KS Daily View 05.02.2025 >>> จีนโต้กลับขึ้นภาษีสหรัฐฯ มอง SET Sideway กรอบ SET วันนี้ 1,290 – 1,320 หุ้นแนะนำ GULF, BBIK

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวขึ้น โดยดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.72%, Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 1.35% และ Dow Jones เพิ่มขึ้น 0.3% ตลาดฟื้นตัวจากความกังวลเรื่องภาษีศุลกากร หลังจากทรัมป์ประกาศเลื่อนการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโกเป็นเวลา 30 วัน และมองการที่จีนโต้ตอบเร่องภาษีไม่ได้รุนแรงมากนัก นอกจากนี้หุ้น Palantir พุ่งขึ้นกว่า 24% รับผลประกอบการและ Guidance ที่ดีมาก หนุนให้หุ้นในกลุ่มเติบโตสูงอย่าง Technology, Consumer Discretionary และ Communication Services กลับมานำตลาด นอกจากนี้หุ้นในกลุ่ม Energy เป็นกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นมากที่สุดจากราคาน้ำมันที่รีบาวด์ หลังทรัมป์เตรียมยกระดับการ Sanction อิหร่าน

ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,301.02 จุด ลดลง 3 จุด หลังจากเปิด Gap up ปรับตัวขึ้นราว 10 จุดในช่วงแรกจากความผ่อนคลายสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับเม็กซิโก และแคนาดา แต่ช่วงบ่ายตลาดปรับตัวลงหลังจีนประกาศขึ้นภาษีนำเข้า 15% สำหรับถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ และ 10% สำหรับสำหรับน้ำมันดิบและอุปกรณ์การเกษตรจากสหรัฐฯ ทำให้เกิดความตึงเครียดด้านการค้าอีกครั้ง โดยกลุ่มที่กดดันตลาด ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์, พลังงาน, ค้าปลีก และโรงพยาบาล ในขณะที่กลุ่มธนาคาร, ขนส่ง, สื่อสาร และการเงิน คอยหนุนดัชนี เรามองปัจจัยภายนอกผ่อนคลายลงจากตัวเลขตำแหน่งงานเปิดใหม่ที่ต่ำกว่าคาดหนุนมุมมองเฟดในการปรับลดดอกเบี้ย ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นจากบริเวณ 34 มาที่ 33.6 ต่อดอลลาร์ คาดตลาดน่าจะ Sideway สร้างฐานที่กรอบ 1,290 – 1,320 หุ้นแนะนำเป็น GULF, BBIK

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1.จีนแสดงท่าทีระมัดระวังในการตอบโต้มาตรการภาษีของทรัมป์ โดยเก็บภาษีสินค้าสหรัฐฯ เพียง 14,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นสัดส่วนเล็กน้อยเมื่อเทียบกับที่สหรัฐฯ เก็บ พร้อมใช้มาตรการอื่นๆ เช่น การสอบสวนต้านการผูกขาดกับ Google เพิ่มการควบคุมการส่งออกแร่สำคัญ และขึ้นบัญชีดำบริษัทสหรัฐฯ อีกสองแห่ง สะท้อนว่าจีนได้บทเรียนจากสงครามการค้าครั้งแรกในสมัยทรัมป์ และมีข้อจำกัดมากขึ้นเนื่องจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าจีนอาจเลือกใช้การกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศแทนการทำสงครามภาษี

2.ตำแหน่งงานว่างในสหรัฐฯ (JOLTs) เดือนธันวาคมลดลงจาก 8.16 ล้านตำแหน่งเหลือ 7.60 ล้านตำแหน่งซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาด ทำระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน อัตราส่วนตำแหน่งงานว่างต่อผู้ว่างงานลดลงจาก 1.15 เท่ามาที่ 1.1 เท่า ต่ำสุดในรอบ 3 เดือนเช่นกัน สะท้อนแนวโน้มการชะลอตัวของตลาดแรงงาน ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันด้านค่าจ้างและสนับสนุนมุมมองของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ว่าตลาดแรงงานไม่ได้เป็นแหล่งที่มาของแรงกดดันเงินเฟ้อแล้ว

3.ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมออกคำสั่งฟื้นมาตรการ “กดดันขั้นสูงสุด” เพื่อสกัดกั้นเส้นทางของอิหร่านในการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ และลดอิทธิพลในตะวันออกกลาง มาตรการนี้จะให้รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ใช้มาตรการคว่ำบาตรและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด พร้อมทั้งให้รัฐมนตรีต่างประเทศปรับหรือยกเลิกการยกเว้นคว่ำบาตร และดำเนินการเพื่อลดการส่งออกน้ำมันของอิหร่านให้เป็นศูนย์

4.ครม. อนุมัติแผนดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงระยะที่ 2 วงเงิน 341,351 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 8 ปี (2568-2575) โดยมีระยะทาง 357 กิโลเมตร ครอบคลุม 5 สถานีหลัก ได้แก่ บัวใหญ่ บ้านไผ่ ขอนแก่น อุดรธานี และหนองคาย พร้อมศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้านาทาเชื่อมต่อรถไฟลาว-จีน โครงการนี้มีอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ 13.23% สำหรับระยะที่ 1 กรุงเทพฯ-นครราชสีมา ความคืบหน้าอยู่ที่ 36.74% คาดเปิดให้บริการปี 2571

5.ครม. เห็นชอบร่าง พ.ร.บ. เพื่อผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางการเงินระดับโลก จัดตั้งสำนักงาน OSA ดูแลธุรกิจการเงิน 8 ประเภท เช่น ธนาคาร บริการชำระเงิน หลักทรัพย์ และสินทรัพย์ดิจิทัล พร้อมมอบสิทธิประโยชน์ด้านภาษีและข้อยกเว้นกฎหมาย เช่น การถือครองอสังหาริมทรัพย์ และการจ้างงานชาวต่างชาติ คาดว่าจะช่วยดึงดูดบริษัทการเงินชั้นนำ และสร้างงานที่มีรายได้สูงสำหรับแรงงานไทย

6.กบร. อนุมัติการปรับค่าบริการผู้โดยสารขาออกเพิ่ม 25 บาท เส้นทางระหว่างประเทศปรับจาก 400 เป็น 425 บาท และเส้นทางภายในประเทศจาก 50 เป็น 75 บาท สำหรับ 7 สนามบิน เช่น กระบี่ อุดรธานี และขอนแก่น โดยเริ่มจัดเก็บในสนามบินที่มีระบบบริการครบ 3 ระบบ และต้องแจ้งล่วงหน้า 4 เดือน นอกจากนี้ ยังอนุมัติใบอนุญาตสายการบินใหม่ 2 ราย และเห็นชอบให้ไทยสมายล์แอร์เวย์ยุติกิจการ

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

GULF : ราคาพื้นฐาน 64.50 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ GULF เนื่องจากมีความเสี่ยงต่ำจากการปรับลดค่าไฟฟ้า โดยโรงไฟฟ้าส่วนใหญ่เป็นแบบ IPP ที่มีโครงสร้างต้นทุนที่สามารถส่งผ่านได้ และมีสัดส่วนรายได้จากโรงไฟฟ้า SPP ที่ขายให้กลุ่มอุตสาหกรรมที่อาจได้รับผลกระทบเพียง 9% เท่านั้น ทั้งนี้เราประเมินว่าหากมีการลดค่าไฟฟ้าลงทุก 0.1 บาทต่อกิโลวัตต์ จะส่งผลกระทบต่อกำไรของ GULF เพียง 1% นอกจากนี้ GULF ยังมีแนวโน้มกำไรเชิงบวกทั้งจากธุรกิจผลิตไฟฟ้าหลัก และธุรกิจดิจิทัลที่เติบโตผ่านการลงทุนใน ADVANC ซึ่งช่วยหนุนให้ผลประกอบการแข็งแกร่งต่อเนื่อง โดยเราคาดว่ากำไรปกติในไตรมาส 4 ปี 2567 จะเติบโตได้ทั้งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อน รวมถึงแนวโน้มกำไรในไตรมาส 1 ปี 2568 มีโอกาสเติบโตต่อเนื่องจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น

BBIK : ราคาพื้นฐาน 46.67 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ BBIK จากการคาดการณ์ผลประกอบการในไตรมาส 4 ปี 2567 ที่น่าจะทำกำไรสูงสุดใหม่ โดยเติบโตทั้งเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนและช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้วยรายได้ที่เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับปีก่อน และ 14.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน นอกจากนี้ เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นเนื่องจากรายได้เติบโตมากกว่าค่าใช้จ่าย แม้ว่า Backlog ในไตรมาส 4 ปี 2567 จะลดลงเล็กน้อยจาก 871 ล้านบาทในไตรมาส 3 มาอยู่ที่ 810 ล้านบาท แต่เราคาดว่าบริษัทจะสามารถเพิ่ม Backlog ได้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 โดยเราประเมินว่า BBIK จะมีการเติบโตมากกว่า 30% ในปีนี้ ด้วย Forward P/E ปี 2568 ที่ 16 เท่า

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันพุธ ติดตามตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการของจีน (Caixin Services PMI) เดือน ม.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 52.5 จุดปรับตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 52.2 จุด ต่อด้วยตัวเลขเงินเฟ้อของไทย (TH CPI) เดือน ม.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 1.25% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 1.23% YoY และอัตราเงินเฟ้อที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน (TH Core CPI) ตลาดคาดการณ์ที่ 0.10% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -0.18% YoY ปิดท้ายด้วยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการของสหรัฐ (ISM Services PMI) เดือน ม.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 54.3 จุดปรับตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 54.1 จุด
  • วันพฤหัสฯ ติดตามดัชนียอดค้าปลีกของฝั่งยุโรป (EU Retail sales) เดือน ธ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 2.0% YoY เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 1.2% YoY และจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐ (US Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.07 แสนตำแหน่ง
  • วันศุกร์ ติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Nonfarm Payrolls) เดือน ม.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 1.50 แสนตำแหน่งชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 2.56 แสนตำแหน่ง และอัตราการว่างงาน (Unemployment Rate) เดือน ม.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 4.1% ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า
- Advertisement -