Daily Focus – Selective Play

ตลาดหุ้นวานนี้:

SET Index ยังคงแกว่งตัวผันผวนจากความไม่แน่นอนของโอไมครอน และยังต้องติดตามข้อมูลเพิ่มเติม ส่งผลให้ดัชนีปิดบวกเพียงเล็กน้อย 1.03 จุด สถาบันในประเทศซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 495 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิอีก 1.5 พันลบ. (แต่ Long Index Futures อีก 8.4 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้:

เราคาด SET Index ยังแกว่งตัว Sideways 1,580-1,600 จุด โดยระยะสั้นมีลุ้นรีบาวด์ได้ต่อเนื่อง หลังตลาดหุ้นทั่วโลกเริ่มตอบรับเชิงลบลดลงกับโอไมครอน แม้จะพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นแต่ให้น้ำหนักกับอาการที่ไม่รุนแรง จากข้อมูลเบื้องต้นทําให้โอกาสที่จะกลับไป Lockdown ต่ำ ส่วนราคาน้ำมันดิบทรงตัวได้หลัง OPEC+ เดินหน้าเพิ่มกำลังการผลิต 4 แสนบาร์เรลต่อวันในเดือน ม.ค. แต่อาจปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็วหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ปัจจุบันที่ยังมีความไม่แน่นอนในแง่การระบาดในอนาคต เราจึงยังคงเน้นเลือกลงทุนในหุ้นที่ได้รับผลกระทบจํากัด ได้แก่ การแพทย์ ส่งออก โลจิสติกส์ เทคโนโลยี และยังแนะนำ “แบ่งไม้ทยอยสะสม” โดยมองแนวหลักที่ 1,550-1,570 จุด ซึ่งหากไม่ได้กลับไป Lockdown เราประเมินระดับดังกล่าวจะเป็นจุดต่ำสุดของรอบนี้

กลยุทธ์: เลือกลงทุนในหุ้นที่กระทบจาก COVID-19 จำกัด หากระบาดระลอกใหม่

หุ้นเด่นเดือน ธ.ค. : BCH, JWD, MEGA, NSL, SYNEX

หุ้นเด่นวันนี้: XO

  • แนะนํา “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 22 บาท
  • โมเมนตัมกำไร 4Q21 จะกลับมาฟื้นตัวทั้ง Q-Q และ Y-Y จากปัญหา Supply Chain ที่คลี่คลายเหลือเพียงทยอยส่งมอบสินค้าให้ทัน ส่วนราคาวัตถุดิบไม่ได้ขึ้นแรงและมีการล็อคราคาไว้แล้ว
  • ล่าสุดเริ่มส่งออกซอสกัญชงแล้วใน 3Q21 และผลตอบรับดีและเตรียมทำซอส CBD และเลื่อนแผนเพิ่มกำลังการผลิต 50% เร็วขึ้นเป็น 1Q22 ประมาณการของเรามี Upside เทียบกับเป้ารายได้ผู้บริหารที่คาดปี 2022 +10-15%
  • แนวรับ 18.10-18.30 บาท แนวต้าน 19.10-19.50 // 20 บาท

(กรรมการและกรรมการตรวจสอบของ FINANSIA SYRUS เป็นกรรมการอิสระและประธานกรรมการตรวจสอบของ XO)

Fund Flow:

วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลเข้าภูมิภาคต่อเนื่องอีก US$ 1,031 ล้าน ยังคงนำโดยเกาหลีใต้และไต้หวัน US$ 805 ล้าน และ US$ 316 ล้าน ตามลำดับ ส่วนอาเซียนยังไหลออกประเทศละ US$ 20-44 ล้าน ยกเว้นอินโดนีเซียที่ไหลเข้าบางๆ US$ 6 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนไปในทิศทางไหลเข้า โดยดัชนีเริ่มไม่ตอบรับเชิงลบนักกับโอไมครอน แม้พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทั่วโลก

ประเด็นสำคัญวันนี้

(0) OPEC+ ประชุมวานนี้ยังคงเดินหน้าแผนเพิ่มกำลังการผลิตอีก 4 แสนบาร์เรลต่อวันในเดือน ม.ค. แม้จะถูกกดดันจากฝั่งสหรัฐฯที่ต้องการให้เพิ่มกำลังการผลิตมากกว่าระดับดังกล่าว รวมถึงโอไมครอนที่กดดันน้ำมันดิบปรับลงแรงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ OPEC+ ยังไม่จำเป็นต้องเร่งเพิ่มกำลังการผลิต อย่างไรก็ตาม มีการทิ้งท้ายอาจมีการปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็วหากสถานการณ์ระบาดมีการเปลี่ยนแปลง โดยรวมเรามองเราชอบค่อนไปในทางบวกต่อกลุ่มพลังงานหากโอไมครอนไม่ลุกลามอย่างน่ากังวล เราชอบ PTTEP SPRC TOP

(+) CRC ประกาศเข้าซื้อหุ้น 67% ใน Porto Worldwide (ถือหุ้น 40% ใน Grab Taxi Thailand) ด้วยเม็ดเงินลงทุน 4.5 พันลบ. โดยใช้กระแสเงินทุนในบริษัทและเงินกู้ ซึ่งแม้จะกู้ทั้งจำนวน D/E Ratio จะอยู่ที่ 1.24 เท่ายังต่ำกว่า Covenant 2 เท่า เบื้องต้นเรามองบวกต่อดีลนี้จากผลการดำเนินงานของ Grab Taxi ที่มีโอกาสเติบโตอย่างมีนัยยะในระยะยาว และเปิด Upside ต่อกำไรสุทธิของ CRC นอกจากนี้ CRC จะได้ผลประโยชน์จากสิทธิ Swap หุ้น Grab Taxi Thailand เป็น Grab Holding Limited ที่ US$ 6.15 ที่เพิ่ง Listed ใน NASDAQ ซึ่งจะคิดเป็นสัดส่วน 1.06% ส่วนข่าวการเข้าซื้อห้าง Selfridges ในอังกฤษยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนว่าบริษัทในเครือเซนทรัลเป็นผู้ซื้อ เรายังคงราคาเป้าหมาย 40 บาท แนะนำ “ซื้อ” (Source: FSSIA)

(+) HL เข้าเทรดวันนี้ เป็น Chain ร้านขายยาบริษัทแรกในตลาดฯ ปัจจุบันมีเพียง 25 สาขา ทำให้ยังเติบโตได้อีกมาก และยากสำหรับการเข้ามาของผู้เล่นรายใหม่ เพราะมีกฎระเบียบเข้มงวดในทุกการดำเนินงาน และต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ผลิตและผู้จัดจําหน่าย จุดแข็งคือเป็นสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตและไม่มีการแข่งขันด้านราคาอย่างรุนแรง ทำให้ผลการดำเนินงานมีเสถียรภาพ เราคาดกำไรสุทธิปี 2021-2023 จะเติบโตสูงถึง +36% CAGR และประเมินราคาเป้าหมายปี 2022 ที่ 15 บาท (Finansia เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายฯ)

(+) ตลาดดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 617.75 จุด หรือ 1.82% ปิดที่ 34,639.79 จุด จากแรงเก็งกำไรหลังปรับลงแรงในช่วงก่อนหน้า และการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มสายการบิน โดยเฉพาะหุ้นโบอิ้ง หลังจีนอนุมัติการขึ้นบินของเครื่องบินโบอิ้งรุ่น 737 MAX

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ เนื่องจากหลายประเทศเพิ่มข้อจำกัดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 สายพันธุ์โอไมครอน

(0) ตลาดเอเชีย ปรับตัวผสมโดยมีปัจจัยบวกจากการปรับขึ้นของตลาดดาวโจนส์ อย่างไรก็ดี ยังถูกกดดันจากความกังวลการแพร่ระบาด COVID-19 สายพันธุ์โอไมครอน

(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่าลงล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 33.93 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 93 เซนต์หรือ 1.4% ปิดที่ 66.50 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังกลุ่มโอเปกพลัสมีมติยึดมั่นตามข้อตกลงปัจจุบันในการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 400,000 บาร์เรล/วันในเดือนม.ค. 2565 แม้ที่ผ่านมาโอเปกพลัสได้ถูกสหรัฐกดดันให้เพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้นเพื่อชะลอการปรับขึ้นของราคาน้ำมัน

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 21.6 ดอลลาร์หรือ 1.21% ปิดที่ 1,762.7 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังตลาดคาดว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 986.17 / -4.65

- Advertisement -