KS Daily View 14.02.2025>>> คาดดัชนี SET Index วันนี้แกว่งตัว 1,270 – 1,290 จุด ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้นใกล้เคียงกับระดับจุดสูงสุดเดิม โดยปิดที่ระดับ 6,115.07 จุด เพิ่มขึ้น +1.04% จากแรงหนุนหุ้น NVIDIA และ TESLA แนะนำ CPN, TASCO
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:
ประเมินดัชนี SET Index วันนี้แกว่งตัวในกรอบ 1,270 – 1,290 จุด ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้นใกล้เคียงกับระดับจุดสูงสุดเดิม โดยปิดที่ระดับ 6,115.07 จุด เพิ่มขึ้น +1.04% จากแรงหนุนหุ้น NVIDIA และ TESLA ขณะที่ ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งให้สำรวจอัตราภาษีตอบโต้กับคู่ค้าสหรัฐฯ แต่มาตรการที่เขาลงนามนั้นยังขาดการนำมาตรการภาษีเหล่านั้นไปใช้ทันที แต่จะมีผลบังคับใช้เร็วที่สุดในเดือนเมษายน ซึ่งตามทฤษฎีแล้วจะเหลือพื้นที่ว่างให้ประเทศต่างๆ เจรจาก่อนหน้านั้น ปัจจัยภายในประเทศ รมว.คลัง กำลังศึกษาการโยกเงินกองทุน LTF ที่ครบอายุ และนักลงทุนที่ไม่อยากขายเพราะขาดทุน เข้าสู่กองทุน ThaiESG ซึ่งจะตั้งเป็นกองใหม่ เพื่อให้นักลงทุนสามารถลงทุนได้ต่อเนื่อง คาดว่าจะมีความชัดเจนไม่เกินเดือน ก.ย. 2568 นอกจากนี้ยังมีการทบทวนการเก็บภาษีสำหรับการลงทุนในต่างประเทศอีกเช่นกันเพื่อดึงดูดให้นักลงทุนในประเทศกลับมาลงทุนในตลาดไทย
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ เรามองกลุ่มที่ยังคงแข็งแกร่งกว่าตลาดเป็นกลุ่มสื่อสารอย่างทั้ง Advance และ True ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ในขณะที่กลุ่มธนาคารเผชิญแรงขายในช่วงสัปดาห์นี้ เราคาดตลาดจะรอปัจจัยใหม่อย่างงบการเงินของบริษัทจดทะเบียนใน 4Q24 ที่จะรายงานในอาทิตย์หน้าและแนวโน้มผลประกอบการในปี 2025 นี้ หุ้นแนะนำวันนี้ CPN และ TASCO
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ เปิดเผยว่า เขามีแผนที่จะประกาศใช้มาตรการทางภาษีตอบโต้ประเทศคู่ค้าของสหรัฐในวันนี้ขณะที่ทำเนียบขาวระบุว่า ปธน.ทรัมป์อาจประกาศมาตรการดังกล่าวก่อนที่จะทำการต้อนรับนายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย ที่ทำเนียบขาวในวันนี้ เวลา 16.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 04.00 น.ของวันศุกร์ที่ 14 ก.พ.ตามเวลาไทย นอกจากนี้ สื่อรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ มีแนวโน้มที่จะลงนามบังคับใช้กฎหมายการค้าปี 1930 ในวันนี้ เพื่อเรียกเก็บภาษีตอบโต้ทางการค้าต่อประเทศที่เรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าที่สูงกว่าสหรัฐ
- สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม เปิดเผยว่า วันนี้การประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและติดตามผลการดำเนินงานโครงการสำคัญตามนโยบาย เพื่อติดตามความคืบหน้าของโครงการขนส่งทางบก ทางราง และการบริหารงบประมาณ โดยภาพรวมการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2568 ณ สิ้นเดือนมกราคม 2568 วงเงินรวมทั้งสิ้น 244,576.97 ล้านบาท โดยขณะนี้กระทรวงคมนาคม ได้เบิกจ่ายสะสมแล้วรวม 39,857.94 ล้านบาท หรือ 16.30% ใกล้เคียงเป้าหมายที่ตั้งไว้
- ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ (BSP) มีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเอาไว้ที่ระดับ 5.75% ในการประชุมวันนี้ (13 ก.พ.) โดยระบุถึงความไม่แน่นอนที่เพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะนโยบายการค้า นอกจากนี้ แบงก์ชาติฟิลิปปินส์ยังได้คงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากข้ามคืนที่ 5.25% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ข้ามคืนที่ 6.25%
- วอลล์สตรีท เจอร์นัล (WSJ) รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า จีนเสนอจัดการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เพื่อช่วยยุติสงครามยูเครน ปธน.ทรัมป์เปิดเผยในวันพุธ (12 ก.พ.) ภายหลังการพูดคุยทางโทรศัพท์กับปธน.ปูติน และประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครนว่า ผู้นำรัสเซียและผู้นำยูเครนต่างต้องการสันติภาพ และทรัมป์ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ เริ่มการเจรจาเพื่อยุติสงครามในยูเครนแล้ว
- รมว.คลัง คาดตั้งกองทุน Thai ESG ใหม่รองรับ LTF ชัดเจนไม่เกิน ก.ย.นี้ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวถึงประเด็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์การออกกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาข้อกฎหมาย และเงื่อนไขต่าง ๆ ในการโยกเงินกองทุน LTF ที่ครบอายุ และนักลงทุนที่ไม่อยากขายเพราะขาดทุน เข้าสู่กองทุน ThaiESG ซึ่งจะตั้งเป็นกองใหม่ เพื่อให้นักลงทุนสามารถลงทุนได้ต่อเนื่อง
หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:
- CPN: ราคาพื้นฐานที่ 78.00 บาท
เราคงมุมมองเชิงบวกต่อ CPN แผนขยายกิจการที่ค่อนข้างดี ซึ่งจะนำมาซึ่งโอกาสเติบโตอย่างแข็งแกร่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนราคาหุ้น แม้กำไรใน 4Q24 จะชะลอตัวลงทั้ง YoY และ QoQ คาดธุรกิจหลักไตรมาส 4/2567 ยังคงแข็งแกร่ง ยกเว้นธุรกิจที่อยู่อาศัย แม้ว่าอัตราการเช่าศูนย์การค้าจะลดลงเล็กน้อยเป็น 91% ในไตรมาสนี้ โดย CPN ซื้อขายที่ -1SDV ของ PER ย้อนหลัง 5 ปี และ -2SDV ของ PBV ย้อนหบัง 5 ปี จะดูไม่แพงมากนัก แต่แนวโน้มการเติบโตที่ในระดับปานกลางดังกล่าวที่ประมาณ 3% ในปี 2568-69 และ DY ที่มากกว่า 3%
- TASCO: ราคาพื้นฐาน 21.00 บาท
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ TASCO สำหรับงบการเงินใน 4Q24 ที่จะประกาศคาดว่าจะรายงานกำไรเติบโตขึ้นราว 2.2 เท่า YoY จากทั้งยอดขายและราคาขายที่ปรับเพิ่มขึ้น YoY นอกจากนี้เราคาดว่างบใน 1Q25 จะสามารถเติบโตได้ต่อเนื่องจาก ยอดขายที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐโดยเฉพาะงบกรมทางหลวงเพื่อสร้างถนนและราคาขายในประเทศและต่างประเทศที่ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก demand ที่แข็งแกร่ง และสุดท้ายคือส่วนของกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นของโรงกลั่นของ TASCO เองจะสามารถสร้าง Margin ที่เพิ่มขึ้นได้ในปี 2025 นี้
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันศุกร์ ติดตามดัชนียอดค้าปลีกของสหรัฐ (US Retail sales) เดือน ม.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 0.0% MoM ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 0.4% MoM และติดตามการรายงานตัวเลขคาดการณ์ GDP ของไตรมาสที่สี่ปี 2024 ครั้งที่สองของโซนยุโรปตลาดคาดการณ์ที่ +0.9% YoY ทรงตัวจากครั้งก่อนหน้า