ลงต่อ เพราะหุ้นใหญ่ยังมีประเด็น / 1,260-1,275

คาด SET Index ปรับตัวลง: จากความกังวลในประเด็นเฉพาะตัวของหุ้น Big Cap และ Vol ซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติที่อาจลดลงในช่วงวันหยุดวัน Washington’s Birthday ขณะที่รอจับตา GDP ไทย 4Q67

กลยุทธ์การลงทุน

  1. เก็งงบ 4Q67: BA, PTG, NER, PIN, SC
  2. Dividend + REITs: ADVANC, FIREIT, LHHOTEL, TISCO, WHART, TIW
  3. GDP 4Q67 คาดเร่งตัว : KTC, SEAFCO, HTECH, MALEE, TIPCO, CPALL, BJC, TNP
  4. Short-sell: BGRIM, CBG, ORI, PTTGC, SCC, OSP, TOP, STECON
  • ประเด็นเฉพาะตัวของหุ้นขนาดใหญ่ยังกดดัน: มองหุ้น Big Cap มีโอกาสจะปรับตัวลงกดดันภาพรวมตลาดในวันนี้ด้วยปัจจัยเฉพาะตัว นำโดย 1) ความกังวลผลกระทบต่อกลุ่มธนาคาร และ AOT จากประเด็นการที่ธนาคารได้ออก Letter of Guaranty ให้กับบริษัท King Power ซึ่งอาจกำลังประสบปัญหาสภาพคล่องภายในบริษัท เนื่องจากได้มีการขอเลื่อนชำระค่าสัมปทานกับ AOT ออกไปจำนวน 7 เดือน และระยะถัดไปหากมีการผิดนัดชำระสัมปทานจริงจะทำให้ธนาคารที่ออก Letter of Guaranty จะต้องรับภาระค่าใช้จ่ายที่เกิด กดดันราคาหุ้นในกลุ่มธนาคารที่เกี่ยวข้องกับประเด็นดังกล่าว รวมถึงกดดันต่อราคาหุ้น AOT ด้วยเช่นกัน 2) ผลประกอบการ DELTA ออกมาต่ำกว่าตลาดคาด อาจกดดันราคาหุ้นลง โดยกำไร 4Q67 ออกมาที่ 2.15 พันล้านบาท ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 5.34 พันล้านบาท และต่ำกว่าที่ทางฝ่ายคาดมาก ทำให้กำไรสุทธิปี 67 ขยายตัวเพียง 2.8%y-y เป็นผลมาจากความต้องการยานยนต์ของโลกที่หดตัว ค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าคาด และแรงกดดันจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า
  • ตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการ : ในวัน Washington’s Birthday ทำให้ Volume ซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติอาจหายไปบางส่วน
  • จับตา GDP ไทย 4Q67 : Bloombere คาดออกมาขยายตัว 3.8%y-y และ 0.6%q-q ซึ่งหากออกมาตามคาดจะเป็นโตรมาสที่ขยายตัวแบบ y-y สูงที่สุดของปี ทั้งปีคาดขยายตัว 2.7% เป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มค้าปลีก และการเงิน
  • ปัจจัยอื่นที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ : สหรัฐ- ตัวเลขใบขออนุญาตสร้างบ้าน เดือน ม.ค.68/ รายงานการประชุม FOMC/ Philadelphia Fed Manufacturing Index เดือน ก.พ.68/ S&P Global Composite PMI+S&P Global Service PMI+S&P Global Manufacturing PMI เดือน ก.พ.68/ ยอดขายบ้านมือสอง เดือน ม.ค.68, ยูโรโซน – HCOB Eurozone Composite PMI+HCOB Eurozone Service PMI+HCOB Eurozone Manufacturing PMI เดือน ก.พ.68

+ ปัจจัยเพิ่มเติม –

(+) นักเศรษฐศาสตร์จากรอยเตอร์คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 3.9%y-y ในไตรมาส 4 ปี 67 โดยมองการบริโภคภาคครัวเรือนยังอยู่ภายใต้แรงกดดัน แม้มีมาตรการแจกเงินสด แต่มองการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

(+) ตลท.เตรียมเสนอโครงการ Jump+ เพื่อจูงใจให้เคิดการควบรวมในตลาดหุ้นไทย และหากสามารถทำผลงานได้ตามเป้าจะมีการยกเว้นการเก็บภาษีบางส่วนในช่วง 3 ปีแรก คาดจะเริ่มในเดือน พ.ค. 68 เบื้องต้นมีบริษัทที่คาดว่าจะเข้าร่วมกว่า 50 บริษัท

(-) ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงต่ำกว่าระดับ 71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังตลาดคาดว่าจะมีอุปทานน้ำมันเข้ามาเพิ่มจากอิรักและรัสเซีย หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์มีความตั้งใจจะจบสงคราม รัสเซีย-ยูเครน ที่ยืดเยื้อมาเป็นเวลากว่า 3 ปีให้ได้โดยเร็ว กดดันหุ้นพลังงานต้นน้ำและโรงกลั่น

PICKS OF THE DAY

BGRIM SHORT
  • เป้าหมาย 12.00 / 12.50 แนวต้าน 13.20
  • นโยบายค่าไฟกดดัน : ทางฝ่ายมองว่าหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้ายังคงได้รับแรงกดดันจากนโยบายลดค่าไฟของภาครัฐ ซึ่งล่าสุดรมว.พลังงาน เปิดเผยว่ามีโอกาสลดค่าไฟลงต่ำกว่า 4 บาท/หน่วย โดยการปรับระบบ Pool Gas ซึ่งต้นทุนก๊าซจะลดลง ทั้งนี้บริษัทมีโครงการโรงไฟฟ้า SPP ค่อนข้างมาก ซึ่งราคาอ้างอิงค่าไฟ Ft ทางฝ่ายมองว่าโอกาสจะมรการเพิ่ม margin เป็นไปได้ยากเนื่องจากราคาขายไฟจะปรับลงเช่นกัน นอกจากนี้คาดจะได้รับปัจจัยลบจากโอกาสลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ มีน้อยลงในปีนี้ ซึ่งส่งผลให้กลุ่มโรงไฟฟ้าน่าสนใจน้อยลงเช่นกัน
  • แนวโน้ม 4Q67 อ่อนตัว : แนวโน้มผลประกอบการ 4Q67 มีแนวโน้มอ่อนตัว โดยคาดรายได้จากการขายไฟลดลงจากช่วงปลายปีมีวันหยุดหลายวัน เช่นเดียวกับผลกระทบด้านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการปิดซ่อมบำรุง

KTC BUY

  • เป้าหมาย 52.00 / 53.00 แนวรับ 50.75
  • จะได้ผลดีจาก Easy E-Receipt: คาดว่า KTC จะได้ประโยชน์จากการจับจ่ายในช่วง 1Q67 โดยได้แรงหนุนจากโครงการ Easy E-Receipt
  • ผลงานดีกว่ากลุ่มชัดเจน: ทางด้านสินเชื่อบัตรเครดิตถึงแม้สินเชื่อจะหดตัว 0.7% y-y แต่ก็ดีกว่าอุตสาหกรรมที่หดตัว 3.2% y-y และทำให้ KTC มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นมาเป็น 2.3% จาก 1.9% ในปีก่อน นอกจากนี้การเติบโตของการใช้จ่ายผ่านบัตรของ KTC อยู่ที่ 10.1% ซึ่งสูงกว่าอุตสาหกรรมที่ 2.6% มาก KTC ยังสามารถลดระดับ NPL ลงได้เหลือ 1.95% จากปีก่อนที่ 2.19% ในขณะที่อุตสาหกรรมมี NPL 3.58% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มี NPL 3.45%
- Advertisement -