Daily Focus: ยังมีลุ้น Rebound ระยะสั้นหลังปิดไม่ต่ำกว่า Low เดิม
2025 SET Target: 1600
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลงแรงตั้งแต่เปิดตลาด ลบกว่า 30 จุด จากแรงขาย DELTA AOT ก่อนที่จะฟื้นตัวลดช่วงลบได้บ้าง, ขณะที่เม็ดเงินหมุนเข้าหาหุ้นขนาดใหญ่-กลางในกลุ่มอื่นๆ ทำให้ดัชนีปิดลบเหลือ 15.62 จุด ที่ระดับ 1,256.48 จุด ยังไม่ทำ Low ใหม่ที่ระดับราคาปิด ขณะที่มูลค่าการซื้อขายสูงขึ้นเป็น 5.6 หมื่นลบ. สถาบันในประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้นสูงต่อเนื่องอีก 3.2 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิสูงถึง 4.6 พันลบ. (แต่ Short Index Futures สุทธิสูงเช่นกัน 2.3 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index ยังมีโอกาสลุ้นฟื้นตัววันนี้ในกรอบ 1,250-1,270 จุด หลัง DELTA และ AOT เผชิญแรงขายรุนแรงช่วง 1-2 วันที่ผ่านมาและทางเทคนิค Oversold อย่างมาก ขณะที่เม็ดเงินคาดยังเกิด Sector และ Stock Rotation เข้าหากลุ่มอื่นๆ ซึ่งปรับตัวลงในช่วงก่อนหน้า และมี Valuation ที่น่าสนใจ ด้านปัจจัยต่างประเทศเมื่อคืนที่ผ่านมา ตลาดโฟกัสกับการเพิมงบประมาณด้านการป้องกันของยุโรปวงเงิน US$3.1 ล้านล้านในช่วง 10 ปีข้างหน้า และโฟกัสหลักในช่วงนี้ยังอยู่ที่พัฒนาการการเจรจายุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน รวมถึงการดำเนินนโยบายการค้าของทรัมป์และการตอบโต้ของประเทศต่างๆ ด้านปัจจัยในประเทศตัวเลข GDP 4Q24 ไทยวานนี้ออกมาต่ำกว่าคาด +0.4% q-q, +3.2% y-y แต่หากดูในรายละเอียดแต่ละเครื่องยนต์ยังดูไม่ได้น่ากังวล และตัวที่ถ่วงคือการเปลี่ยนแปลงของสินค้าคงคลังที่ลดลง นอกจากนี้ยังต้องติดตามข่าวมาตรการกระตุ้นตลาดหุ้นเพื่อลดผลกระทบจากแรงขาย LTF ที่ครบกำหนด โดยเฉพาะการหารือระหว่าง SET FETCO และคลังฯ ส่วนน้ำหนักสูงสุดของเรายังคงอยู่ที่การประกาศผลประกอบการบจ. 4Q24 ฝั่ง Real Sector ซึ่งจะทยอยประกาศออกมาหนาแน่นขึ้นในช่วงที่เหลือของเดือนนี้ ระยะสั้นคาดหุ้นที่มีกำไรแข็งแกร่งและแนวโน้มดีต่อเนื่องจะปรับตัวได้แข็งแกร่งกว่าตลาด ขณะที่ Valuation ปัจจุบันของ SET ที่ค่อนข้างถูก โดยเทรด PER ราว 13 เท่า และมี Earnings Yield Gap กว่า 5% ยังเน้นหุ้น Domestic Play เป็นหลัก เพื่อลดความเสี่ยงจากปัจจัยสงครามการค้าโลก
กลยุทธ์ : เน้น Domestic Play ที่มีแนวโน้มกำไร 4Q24-2025 แข็งแกร่ง // ส่วนที่สะสมหุ้นเพิ่มแล้วโซน 1,300+- หรือต่ำกว่า แนะนำถือลงทุนระยะกลาง-ยาว
หุ้นเด่นเดือน ก.พ. : BBL, CHG, CPALL, ERW, NSL
FSSIA Portfolio: BA, BBL, CHG, CALL, MTC, NSL, RBF, SEAFCO, SHR, WHA
หุ้นเด่น Finansia 18 ก.พ. 25 : NSL
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 43 บาท
- เรายืนยันคาดการณ์กำไรสุทธิ 4Q24 ที่ 146 ลบ. +8% q-q, +43% y-y ทำจุดสูงสุดใหม่ จากรายได้ที่คาดทำ New High เพราะเป็น high season และโตดีทั้งกลุ่มเบเกอรี่ และ NSL brands (BAW และเริ่มรับรู้รายได้ส่งออกน้ำมะพร้าวแล้ว) ส่วนต้นทุนยังทรงตัว และคุมค่าใช้จ่ายต่อเนื่อง
- จบปี 2024 คาดกำไรโต +62% y-y และโตต่อเนื่องในปี 2025 อีก +10% y-y รวมถึงยังมี upside จากการรวมธุรกิจน้ำมะพร้าว ดีลจะแล้วเสร็จ 2Q25 Valuation ยังค่อนข้างถูก โดยเทรด PER เพียง 13.5 เท่า และให้ Dividend Yield ราว 4.2% ต่อปี
- แนวรับ 26//25 บาท แนวต้าน 29 บาท
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) GDP ไทย 4Q24 โตต่ำกว่าคาด +0.4% q-q และ +3.2% y-y แต่หากดูแต่ละเครื่องยนต์ยังถือว่าเติบโตได้ในเกณฑ์ดี ยกเว้นการลงทุนภาคเอกชนที่ยังติดลบเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน และการเปลี่ยนแปลงของสินค้าคงคลังที่ลดลง จบปี 2024 GDP ไทย +2.5% y-y สภาพัฒน์ประเมินเศรษฐกิจไทยจะโตในระดับปานกลางและสมดุลมากขึ้นในปี 2025 ที่ 2.3-3.3% y-y โดยมีความเสี้ยงสำคัญอยู่ที่การเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าโลก
(0) STGT กำไรสุทธิ 4Q24 ที่ 557 ลบ. พลิกจากขาดทุนใน 3Q24 และ 4Q23 กำไรที่ดีมาจากรายได้ดอกเบี้ยรับคืน 483 ลบ. ที่ได้รับสนับสนุนจากการยางแห่งประเทศ หากไม่รวมรายได้ส่วนนี้ จะมีกำไร 4Q24 เพียง 74 ลบ. ถือเป็นกำไรที่ยังไม่สดใสนัก จบปี 2024 มีกำไรสุทธิ 996 ลบ. +6.5x y-y ประกาศจ่ายปันผล 0.5 บาท/หุ้น คิดเป็น Div Yield สูงราว 6.5%
(0) STA กำไรสุทธิ 854 ลบ. +65% q-q และพลิกจากขาดทุน 4Q23 หากไม่รวม Hedging gain และ FX loss จะมีกำไรปกติเพียง 130 ลบ. โดยมาจากกำไรถุงมีอยาง สวนธุรกิจยางธรรมชาติจะขาดทุน 172 ลบ. เพราะต้นทุนปรับขึ้นแรงกว่าราคาขาย แต่บริษัทได้ป้องกันความเสี่ยงไว้ จึงช่วยหนุ่นกำไรสุทธิได้ จบปี 2024 มีกำไรสุทธิ 1.67 พันลบ. พลิกจากขาดทุน 434 ลบ. ใน 2023 แนวโน้มราคายาง 1Q25 ยังแข็งแกร่งต่อเนื่อง ล่าสุดราคา SICOM ทะลุระดับ 200 เซนต์ต่อกก. เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ประกาศจ่ายปันผล 1 บาท คิดเป็น Yield 6.1%
(0) TU กำไรปกติ 4Q24 -25% q-q, -7% y-y ใกล้เคียงคาด โดยรายได้รวมทรงตัว q-q และลดลงเล็กน้อย y-y มาจากกลุ่ม Frozen ที่ลดลง ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นปรับลง q-q มาจ่าก Pet food เพราะไม่มีการกลับรายการตั้งสำรองสินค้าเหมือน 3Q24 และมีต้นทุนปรับขึ้นค่าใช้จ่ายทำนิวไฮรอบ 9 ไตรมาส จบปี 2024 มีกำไรปกติ +5% Y-Y บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2025 โต 3-4%y-y เราปรับเพิ่มกำไรปี 2025 ขึ้น 3% เป็น 5.16 พันลบ. โต 3.4% y-y สะท้อนผลกระทบจาก GMT ที่น้อยกว่าคาด ปรับเป้าขึ้นเป็น 15 บาท ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ”
(0) GPSC กำไรสุทธิ 4Q24 ที่ 1 พันลบ. +30% q-q, +109% y-y ตามเราและตลาดคาด โดยกำไรที่ปรับขึ้น q-q มาจากส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจาก XPCL ซึ่งมีการผลิตสูงขึ้น, เงินปันผลจาก RPCL และ FX Gain จากเงินบาทอ่อนค่า เมื่อเทียบ y-y กำไรสุทธิพุ่งขึ้นจากฐานที่ต่ำในปีก่อนหน้ าจากอัตราค่าไฟที่ต่ำ จบปี 2024 มีกำไรสุทธิ 4 พันลบ. +10% y-y แนวโน้มกำไรของ GPSC ในปี 2025-26 จะยังคงเผชิญแรงกดดันจากความเป็นไปได้ในการ์ปรับลดอัตราค่าไฟฟ้าจากรัฐบาล คงประมาณการและราคาเป้าหมาย 30 บาท ยังแนะนำ “ถือ”
(-) SAFE คาดกำไรสุทธิ 4Q24 ที่ 24 ลบ. -16% q-q และ -55% y-y จากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาและกำลังซื้อระดับบนระมัดระวังการใช้จ่าย เราปรับลดประมาณการ์กำไรปี 2024-26 ลง 13-15% เพื่อสะท้อนภาวะตลาด IVF ชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาด และธุรกิจบริการตรวจโครโมโซมที่แข่งขันสูง ปรับลดราคาเป้าหมายเป็น 10.25 บาท Upside จำกัด ยังแนะนำ “ถือ”
(+) MINT บริษัทตังเป้ารายได้เติบโตเฉลีย 6-8% CAGR และกำไรปกติเติบโต 10-20% CAGR ในช่วงปี 2024-27 โดยการขยายโรงแรมและร้านอาหารเพิ่ม นักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้น 5% CAGR ในยุโรป และ 8% CAGK ในไทย ในช่วง 2024-32 นอกจากนี้ผู้บริหารส่งสัญญาณว่าซีรี่ White Lotus effect ได้ผลบวกมากกว่าตลาดคาด คงประมาณการและราคาเป้าหมาย 45 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”
(0) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตลาดน้ำมันนิวยอร์ก ตลาดทองคำนิวยอร์ก และตลาดเงิน นิวยอร์ก ปิดทำการเนื่องในวันประธานาธิบดี
(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ เนื่องจากนักลงทุนคาดว่ามีแนวโน้มที่การใช้จ่าย ด้านการทหารอาจเพิ่มขึ้นในยุโรป หลังถูกกดดันจากสหรัฐฯ
(0) ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวกสลับลบ หลังประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ส่งสัญญาณสนับสนุนบริษัทเอกชนของประเทศจีน
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 863.06/-
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
18 ก.พ. | แคนนาดา: เงินเฟ้อ (ม.ค.) |
19 ก.พ. | อังกฤษ: เงินเฟ้อ (ม.ค.) สหรัฐ: FOMC minutes |
20 ก.พ. | สหรัฐ: Initial Jobless Claims (ก.พ/15) จีน: Loan Prime Rate 1Y |
21 ก.พ. | สหรัฐ: Existing Home Sale (ม.ค.) อังกฤษ: Retail Sales (ม.ค.) |
24 ก.พ. | ยุโรโซน: เงินเฟ้อ (ม.ค.) |