บล.ฟินันเซีย ไซรัส:
(0) ITC ประชุมเช้านี้ โทนกลาง บริษัทยังเห็นคำสั่งซื้อโตดีต่อเนื่อง แต่ยังต้องติดตาม US tariff น่าจะเห็นความชัดเจนเดือน เม.ย.
- สำหรับเป้ารายได้ปี 2025 ที่ตั้งเป้าโต 13-15% y-y ทางบริษัทชี้แจงว่า จะหนุนโดยปริมาณขาย +16%, ราคาขาย +3% (ขึ้นตามราคาปลาทูน่า) และใช้ FX ที่ 33.5 (-5-6% y-y) ถือเป็นเป้าที่ aggressive ระดับหนึ่ง (FSSIA คาดไว้ 8%)
- ปริมาณขายที่ตั้งเป้าโต 16% จะมุ่งเน้นไปที่ US และ EU และยังโฟกัสที่ลูกค้า Global brand (ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ราว 50% ของ ITC) และขยาย Private label มากขึ้น เพราะฐานยังต่ำ แต่โตดี รวมถึงสินค้าใหม่ของลูกค้าเดิม และยังมีลูกค้าใหม่ด้วย
- ปัจจุบันมีออเดอร์ล่วงหน้า 1Q25 ครอบคลุม 90% ของเป้าแล้ว และยังให้ภาพว่า 1Q ยังเป็น low season แต่แนวโน้มรายได้จะโต q-q และ y-y เพราะเห็นคำสั่งซื้อลูกค้าดีขึ้นจาก 4Q24 อาทิ มีลูกค้าเพิ่งออกสินค้าใหม่ และยังมีโมเมนตัมดีต่อเนื่อง
- จะเริ่มถูกกระทบจาก GMT ตั้งแต่ 1Q25 ด้วยอัตราภาษีสูงขึ้นเป็น 7-8.5% (จาก 3.8% ในปี 2024) สำหรับปี 2025 โดยเป็นการ allocate จาก TU ตามสัดส่วนของกำไรจากการปรับปรุง หรือ Globe Income (ไม่ตรงกับกำไรตามหน้างบ) ที่ทางบริษัทคาดการณ์ไว้
นั่นหมายถึง อัตราภาษีในปี 2026 หรือถัดๆไป อาจเปลี่ยนแปลงขึ้นลงไปจากกรอบ 7-8.5% ในปี 2025 ก็เป็นได้ เพราะขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของ Globe Income ที่ทางบริษัทต้องเป็นผู้ประเมิน
- ในส่วนของ US tariff ทางผู้บริหารระบุว่ายังอยู่ระหว่างติดตามข่าว ซึ่งไม่สามารถประเมินได้ว่าจะถูกเก็บภาษีหรือไม่ (ปัจจุบัน US ไม่ได้เก็บภาษีนำเข้าอาหารสัตว์เลี้ยงจากไทย) หรือจะถูกเก็บในอัตราเท่าไหร่ แต่ในสมาคมอาหารสัตว์เลี้ยงประเมินว่าจะได้เห็นความชัดเจนในเดือน เม.ย. นี้
ซึ่งกรณี Worst case หากถูกเก็บภาษีนำเข้า ผบห.ประเมินว่าผลกระทบในแง่การแข่งขันอาจจำกัด เพราะจะเป็นการโดนเก็บทั้งประเทศ โดยการแข่งขันใน wet pet food ส่วนใหญ่แข่งขันกันเองในไทยเป็นหลัก และด้วยนโยบาย Cost plus ทาง ITC เชื่อว่าจะสามารถผลักไปให้ลูกค้าได้ทั้งหมด