BRR ประกาศงบปี 67 รายงานผลกำไร 1,021 ลบ. เติบโต 90% รายได้รวม 7,822 ลบ. เคาะจ่ายปันผล 0.50 บ./หุ้น ชี้ปี 68 ราคาน้ำตาลดี เป้าหีบอ้อยเติบโตต่อเนื่อง
“บมจ. น้ำตาลบุรีรัมย์ หรือ BRR ประกาศผลงานปี 67 กำไรสุทธิอยู่ที่ 1,021.83 ลบ. เติบโตเพิ่มขึ้น 89.30% จากปีก่อน มีรายได้รวมอยู่ที่ 7,821.71 ลบ. เพิ่มขึ้น 24.20% เทียบกับปีก่อน สาเหตุหลักมาจากปริมาณอ้อยเข้าหีบในฤดูกาลผลิต 2566/67 เพิ่มขึ้น 16.14% บอร์ดเคาะจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 0.50 บ. ตอบแทนผู้ถือหุ้น ชูธงธุรกิจน้ำตาลไปได้สวย จากราคาน้ำตาลที่ทรงตัวระดับสูง และค่าเงินบาทหนุน รวมถึงอินเดียตั้งรับสถานการณ์ภัยแล้ง คาดจำกัดการส่งออกน้ำตาล ดันราคาน้ำตาลโลกพุ่ง มั่นใจปี 68 เป็นปีที่ดีต่อเนื่องของ BRR จากปริมาณผลผลิตอ้อยที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น หนุนปี 68 เป้ารายได้โตต่อเนื่อง
นายอนันต์ ตั้งตรงเวชกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท น้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BRR เปิดเผยว่าผลประกอบการของบริษัทในปี 2567 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,021.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 482.05 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 89.30% เทียบกับปีก่อนที่มีกำไร 539.78 ล้านบาท มีรายได้รวมอยู่ที่ 7,821.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,523.91 ล้านบาท หรือ 24.20 % เทียบกับปีก่อน สาเหตุหลักมาจากปริมาณอ้อยเข้าหีบในฤดูกาลผลิต 2566/67 เพิ่มขึ้น 16.14% ส่งผลให้ปริมาณวัตถุดิบสำหรับธุรกิจน้ำตาลและธุรกิจเกี่ยวเนื่องเพิ่มขึ้น
โดยในปี 2567 บริษัทมีปริมาณการขายน้ำตาลเพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 27,327 ตัน และราคาขายน้ำตาลเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น 14.32% ต่อตันน้ำตาลตามราคาตลาดโลก และได้รับปัจจัยบวกจากอัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนค่า
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ยังคงเชื่อมั่น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติเห็นชอบเสนอผู้ถือหุ้นจ่ายเงินปันผลจากกำไรสุทธิตามงบการเงินรวมสำหรับผลประกอบการปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นเงินรวม 406,050,183 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) วันที่ 7 พฤษภาคม 2568 วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 6 พฤษภาคม 2568 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 23 พฤษภาคม 2568
สำหรับแผนธุรกิจในปี 2568 บริษัทฯตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตต่อเนื่อง โดยราคาน้ำตาลทรายขาวทั้งในประเทศและในตลาดโลกยังคงทรงตัวระดับสูง และได้ปัจจัยหนุนจากประเทศผู้ส่งออกน้ำตาลรายใหญ่ของโลกยังคงประกาศห้ามส่งออกน้ำตาล ส่งผลให้ปริมาณน้ำตาล (Supply) ยังมีแนวโน้มตึงตัว ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำตาล (Demand) ยังทยอยเพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่สอดคล้องกัน และอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินบาทไทยที่ยังมีแนวโน้มทรงตัวอ่อนค่า ซึ่งเป็นผลดีต่อกลุ่มสินค้าส่งออก
โดยบริษัทได้วางแผนการปลูกอ้อยปี 2567/2568 เพื่อรักษาค่าความหวานไว้ไม่ให้ต่ำกว่า 10 ซีซีเอส (CCS Commercial Cane Sugar) อีกทั้ง บริษัทได้กำหนดเป้าหมายการรับซื้ออ้อยสดให้เข้าสู่กระบวนการผลิตไม่ต่ำกว่า 90% ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการผลิตน้ำตาลให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และช่วยลดต้นทุนการผลิตให้ลดต่ำลง นอกจากนั้น ยังช่วยลดการเกิดมลพิษทางอากาศและฝุ่น PM 2.5 ที่เกิดจากการเผาอ้อยได้อีกด้วย