กลุ่มดุสิตธานี ปักธงแบรนด์ ‘ดุสิต คอลเลคชั่น’ ในอินโดนีเซียเป็นครั้งแรก เดินหน้าบริหารโครงการสุดหรู ‘คาลิวาตู เรสซิเดนซ์-ดุสิต คอลเลคชั่น’ เสริมแกร่งขยายฐานสู่ ‘ลาบวน บาโจ’ จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่น่าตื่นเต้น

กลุ่มดุสิตธานี เดินหน้าขยายธุรกิจในอินโดนีเซีย ด้วยการลงนามข้อตกลงบริหารโรงแรมร่วมกับ พีที โคโมโด พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเมนท์ เพื่อบริหาร ‘คาลิวาตู เรสซิเดนซ์ – ดุสิต คอลเลคชั่น’ (Kaliwatu Residences – Dusit Collection) รีสอร์ทลักซ์ชัวรีแห่งใหม่ ภายใต้แบรนด์ ‘ดุสิต คอลเลคชั่น’ (Dusit Collection)  ใน ลาบวน บาโจ เกาะฟลอเรส จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วของอินโดนีเซีย โครงการนี้นับเป็นโรงแรมภายใต้แบรนด์‘ดุสิต คอลเลคชั่น’ แห่งแรกในอินโดนีเซีย ต่อยอดความสำเร็จของวิลล่าหรูแบรนด์อีลิธ ฮาเวนส์ (Elite Havens) ซึ่งเป็นผู้นำด้านการบริหารวิลล่าหรูในเครือดุสิตที่ดำเนินการอยู่แล้วในบาหลีและลอมบอก

มร. จิลล์ เครตัลเลช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT เปิดเผยว่า การลงนามความร่วมมือระหว่างกลุ่มดุสิตธานี กับ พีที โคโมโด พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเมนท์ เพื่อบริหารโครงการ ‘คาลิวาตู เรสซิเดนซ์ – ดุสิต คอลเลคชั่น’ ถือเป็นก้าวสำคัญในการเติบโตของกลุ่มดุสิตธานีในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดย ลาบวน บาโจ เป็นจุดหมายปลายทางที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยว ขณะที่กลุ่มดุสิตธานีมีความภูมิใจที่ได้นำเสนอเอกลักษณ์การบริการแบบไทยที่เป็นเลิศในพื้นที่แห่งนี้ และเชื่อมั่นว่า โครงการนี้จะสะท้อนวิสัยทัศน์ของกลุ่มดุสิตธานีในการสร้างประสบการณ์การเข้าพักที่หรูหรา ควบคู่ไปกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน

โครงการ ‘คาลิวาตู เรสซิเดนซ์ – ดุสิต คอลเลคชั่น’ นับเป็นโครงการโรงแรมแห่งแรกภายใต้แบรนด์ ‘ดุสิต คอลเลคชั่น’ (Dusit Collection) ในประเทศอินโดนีเซีย โดยโครงการดังกล่าวตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันตกของเกาะฟลอเรส ซึ่งอยู่ห่างจากสนามบินนานาชาติโคโมโด เพียง 10 นาที โดยรถยนต์ และอยู่ใกล้กับจากเมืองบาโจ ประตูสู่อุทยานแห่งชาติโคโมโด ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของมังกรโคโมโด และจุดดำน้ำระดับโลก โครงการจึงถูกออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์พักผ่อนเหนือระดับ ด้วยทำเลที่เงียบสงบบนเนินเขา พร้อมวิวทะเลแบบพาโนรามา

ภายในโครงการจะประกอบด้วย วิลล่าส่วนตัวที่กว้างขวางและตกแต่งอย่างสวยงามจำนวน 63 หลัง พร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัว อพาร์ตเมนต์ร่วมสมัยจำนวน 194 ห้อง และคลับเฮาส์ที่มีร้านอาหาร บาร์ ร้านค้า ห้องออกกำลังกาย สปา และสระว่ายน้ำบนดาดฟ้า   โดยโครงการจะมีการพัฒนาเป็นระยะๆ และคาดว่า จะเสร็จสมบูรณ์ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2571

นอกเหนือจากการให้บริการที่หรูหราแล้ว ที่พักแห่งนี้ยังสามารถเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและธรรมชาติที่หลากหลายของ ลาบวน บาโจ ได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นชายหาดสีชมพูที่สวยงาม ถ้ำใต้ดินที่น่าหลงใหล น้ำตกที่ไหลริน เส้นทางเดินป่าที่น่าตื่นตาตื่นใจพร้อมจุดชมวิวแบบพาโนรามา และการพบกับมังกรโคโมโด ซึ่งเป็นกิ้งก่าที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายในอุทยานแห่งชาติโคโมโด

ในด้านแหล่งท่องเที่ยว ลาบวน บาโจ ได้รับการยอมรับในเรื่องสัตว์ป่าที่เป็นเอกลักษณ์และสิ่งแวดล้อมทางทะเลที่บริสุทธิ์ และได้รับการกำหนดให้เป็น 1 ใน 5 จุดหมายปลายทางที่มีความสำคัญสูงสุดของอินโดนีเซีย โดยมีเป้าหมายในการดึงดูดนักท่องเที่ยวปีละ 1.5 ล้านคน ที่ผ่านมา ลาบวน บาโจ มีการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง รวมถึงอัปเกรดสนามบินนานาชาติโคโมโดเมื่อเร็วๆ นี้ และมีเที่ยวบินตรงใหม่จากกัวลาลัมเปอร์ สิงคโปร์ ที่เปิดตัวในเดือนมีนาคม 2568 รวมถึงเส้นทางจากเพิร์ธ ออสเตรเลีย ในเร็วๆ นี้ ซึ่งทั้งหมดจะช่วยยกระดับสถานะของ ลาบวน บาโจ ให้เป็นจุดหมายปลายทางชั้นนำสำหรับการพักผ่อนและการผจญภัย

“โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ ‘ดุสิต คอลเลคชั่น’ ภายใต้การบริหารของกลุ่มดุสิตธานี ที่เรามุ่งเน้นไปที่โรงแรมและที่พักอาศัยที่โดดเด่นในสถานที่สำคัญต่างๆ  ขณะที่ที่พักแห่งนี้ตอบโจทย์ทั้งสถาปัตยกรรมที่ทันสมัยและเรียบหรู โดยได้รับแรงบันดาลใจจากสไตล์และมาตรฐานยุโรป แต่ละวิลล่าได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันด้วยรูปทรงและการวางตำแหน่งที่เป็นเอกลักษณ์ เพื่อให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมทางธรรมอย่างลงตัว ทำให้เรามั่นใจว่า โครงการ ‘คาลิวาตู เรสซิเดนซ์ – ดุสิต คอลเลคชั่น’  จะมอบประสบการณ์ที่พิเศษและดื่มด่ำให้กับแขกผู้เข้าพักได้อย่างน่าประทับใจ” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บมจ.ดุสิตธานีกล่าว

ด้าน มร. อเลสซานโดร มูกาเวโร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ พีที โคโมโด พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเมนท์ กล่าวว่า ในขณะที่ ‘ลาบวน บาโจ’ กำลังมุ่งสู่ความเป็นจุดหมายปลายทางในระดับโลก การพัฒนาโครงการ ‘คาลิวาตู เรสซิเดนซ์ – ดุสิต คอลเลคชั่น’ ภายใต้ความร่วมมือกับกลุ่มดุสิตธานี จึงถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการกำหนดมาตรฐานใหม่ด้านการบริการที่หรูหราและยั่งยืน โดยวิสัยทัศน์ของโครงการนี้ มุ่งเน้นการสร้างสถานที่พักผ่อนที่กลมกลืนกับธรรมชาติ พร้อมกับการให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกระดับโลก ด้วยความเชี่ยวชาญและความมุ่งมั่นในความเป็นเลิศของกลุ่มดุสิตธานี ทำให้มั่นใจว่าความร่วมมือนี้จะกำหนดนิยามใหม่ให้กับภูมิทัศน์การบริการในภูมิภาค ขณะที่การพัฒนาและการก่อสร้างโครงการที่ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากหน่วยงานท้องถิ่นและดำเนินการร่วมกับชุมชนท้องถิ่น จะช่วยเสริมสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจท้องถิ่นได้อย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ ภายหลังการขยายโครงการใหม่ครั้งนี้ จะทำให้กลุ่มดุสิตธานีขยายโรงแรมในเครือเป็น 296 โครงการใน 18 ประเทศ  ประกอบด้วย โรงแรม 57 แห่งภายใต้แบรนด์ ดุสิตโฮเทล แอนด์ รีสอร์ท และวิลล่าหรู 239 แห่งภายใต้แบรนด์ อีลิธ ฮาเวนส์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ โดยเพิ่มอีก 3 โครงการ ได้แก่ โครงการ คาลิวาตู เรสซิเดนซ์ – ดุสิต คอลเลคชั่น,  โครงการ ลันยัน แวร์เด ในภูเก็ต (เปิดตัวปี 2570) และโครงการ พลาซ่า เด ซัมโบอังกา ประเทศฟิลิปปินส์ (เปิดตัวภายในปีนี้) ซึ่งทั้ง 2 โครงการหลังยังอยู่ระหว่างการพัฒนา และทุกโครงการจะอยู่ภายใต้แบรนด์ ‘ดุสิต คอลเลคชั่น’

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมและการสำรองห้องพัก ดูเพิ่มเติมได้ที่ www.dusit.com

- Advertisement -