บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์:

The Siam Cement Public Company Limited

บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)

ราคาหุ้นลดลงมาอยู่ในจุดน่าสนใจ

  • ธุรกิจปูนซีเมนต์เริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวใน 4Q64F หลังหมดฤดูฝน และความต้องการเริ่มกลับมา
  • สเปรดผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีฟื้นตัว QoQ จากความต้องการฟื้นตัวและอุปทานใหม่น้อยกว่าที่คาด
  • SCG Chemicals ได้ปรับโครงสร้างส่วนทุนเพื่อให้เหมาะสมแล้ว โดยคาดความเคลื่อนไหวการทำ IPO จะเด่นชัดขึ้นในปีหน้า
  • ราคาหุ้นลดลงมาอยู่ในจุดน่าสนใจ ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ”

ประเด็นการลงทุน

  • ธุรกิจปูนซีเมนต์ฟื้นตัวใน 4Q64F หลังจากหดตัวหนักถึง -12% YoY ใน 3Q64A จากการปิดไซต์งานก่อสร้างและฝนตกหนักในหลายพื้นที่ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมได้คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์จะขยายตัว YoY ใน 4Q64F ด้วยปัจจัยบวกทั้งการหมดฤดูฝนและภาวะน้ำท่วมลดลง ความต้องการซ่อมแซมบ้านเรือนที่เสียหาย และโครงการภาครัฐสามารถดำเนินการต่อได้ ธนาคารแห่งประเทศไทยได้รายงานดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมล่าสุดใน ต.ค. ก็พบสัญญาณฟื้นตัวตามความต้องการที่เริ่มกลับมาแม้ยังอยู่ในช่วงฝนตกหนัก โดยการผลิต +1.1% MoM และฟื้นตัวเล็กน้อย YoY เราคาดว่าแนวโน้มจะดีขึ้นต่อเนื่องใน พ.ย. -ธ.ค. ตามการหมดฤดูฝน Economic Sentiment ที่ดีขึ้น และการเปิดประเทศทั้งในไทยและอาเซียนทำให้การส่งออกฟื้นตัว และสำหรับในปี FY65F น่าจะเห็นการเติบโตสูงขึ้นตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่สภาพัฒน์ฯ คาด +4.0% YoY (เทียบกับ +1.2% YoY ใน FY64F) ด้วยแรงหนุนทั้งการลงทุนภาคเอกชนและการลงทุนภาครัฐตามแผนการขับเคลื่อนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ทั้งนี้ด้วยฐานเป็นพิเศษใน 3Q64A จากการตั้งการด้อยค่าที่เมียนมา -3.6 พันลบ. ก็น่าจะทำให้กำไรของธุรกิจนี้เติบโตสูงมาก QoQ ใน 4Q64F
  • สเปรดผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีฟื้นตัว QoQ ด้วยราคาเฉลี่ยของ HDPE, PP, และ PVC ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักได้ปรับขึ้น QoQ มากกว่าต้นทุนวัตถุดิบ ทำให้ 4Q64TD สเปรดของ HDPE แนฟทาอยู่ที่ $476/ตัน (+$14 QoQ), PP-แนฟทาอยู่ที่ $578/ตัน (+ $ 27 QoQ), และ PVC-EDC/C2 อยู่ที่ $566/ตัน (+$88 QoQ) ตามความต้องการที่ฟื้นตัวโดยเฉพาะในอินเดีย และอุปทานใหม่น้อยกว่าที่คาดจาก China’s dual-control policy ทำให้ทิศทาง EBITDA ของธุรกิจปิโตรเคมีน่าจะฟื้นตัว QoQ หลังจากลดลงใน 3Q64A
  • ความเคลื่อนไหวของ SCG Chemicals จะเด่นชัดขึ้นในปีหน้า หลังจาก SCC ประกาศปรับโครงสร้างธุรกิจเคมิคอลส์ รวมถึงแผนการทำ IPO เมื่อกลางปีนี้ SCG Chemicals ก็ได้ปรับโครงสร้างส่วนทุนเพื่อให้เหมาะสมกับการทำ IPO แล้ว ด้วยการเพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 8.0 หมื่นลบ. จาก 3.44 หมื่นลบ. เป็น 1.14 แสนลบ. โดย SCC เป็นผู้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนทั้งหมด โดยชำระค่าหุ้นด้วยเงินปันผลระหว่างกาลที่ SCG Chemicals จ่ายออกมา นอกจากนั้นยังได้ปรับโครงสร้างบ.ย่อยและบ.ร่วม เช่น การซื้อหุ้นบมจ.ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์จาก SCC ทำให้ถือหุ้น 100% เป็นต้น รวมถึงแต่งตั้งกรรมการชุดย่อยต่างๆให้สอดคล้องกับกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เรามองว่าความเคลื่อนไหวการทำ IPO จะเด่นชัดขึ้นในปีหน้าและคาดจะทำให้แล้วเสร็จในช่วงปลายปีหน้าถึงต้นปี FY66F เพื่อให้ทันก่อนที่โครงการ LSP ที่เวียดนาม ซึ่งเพิ่มกำลังการผลิตในภาพรวมอีก 55% จาก 5.35 ล้านตันเป็น 8.3 ล้านตัน จะสร้างเสร็จใน 1H66F ซึ่งจะหนุนให้กำไรเติบโตสูงมาก

คําแนะนํา

  • ราคาหุ้นลดลงมาอยู่ในจุดน่าสนใจ ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ” ราคาหุ้น SCC ลดลง -21% จากจุดสูงสุดเมื่อต้นเดือน พ.ค. โดยคาดเกิดจากการขายของต่างชาติ เรามองว่า ณ ราคานี้มีความน่าสนใจ ด้วยซื้อขายเพียง P/E 9.6x และ P/B 1.25x ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตมาก นอกจากนั้นจากการศึกษาข้อมูลในอดีต 10 ปีเราพบว่าราคาหุ้น SCC มักปรับขึ้นในช่วงต้นปี (ม.ค. -เม.ย. ) ก่อนที่จะขึ้น XD และด้วยการถือครองของต่างชาติอยู่เพียง 13% ซึ่งต่ำที่สุดในรอบ 5 ปี ทำให้คาดแรงขายจะเริ่มเบาบางลง รวมถึงแนวโน้มกำไร 4Q64F และความเคลื่อนไหวการทำ IPO ของ SCG Chemicals ก็จะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นทั้งระยะสั้นและระยะกลาง ปรับเพิ่มคำแนะนำจากเดิม “ถือ” เป็น “ซื้อ”

ปัจจัยเสี่ยง

  • ภาวะเศรษฐกิจและความผันผวนของราคาเชื้อเพลิง ภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก/ไทย อาจส่งผลต่อความต้องการผลิตภัณฑ์ รวมถึงความผันผวนของราคาเชื้อเพลิงและวัตถุดิบหลักจะกระทบต่อความสามารถในการทำกำไร
page1image962628448
- Advertisement -