TPCH ปิดจ๊อบเข้าลงทุนวินด์ฟาร์ม 150 MW ในกัมพูชา รุกพัฒนาธุรกิจพลังงานทดแทนทั้งใน-ต่างประเทศ พร้อมเดินหน้า Spin Off “สยาม พาวเวอร์” เข้าตลาด mai
บมจ.ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง (TPCH) ปิดดีลลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม กำลังการผลิต 150 เมกะวัตต์ ในประเทศกัมพูชา ฟากบิ๊กบอส “กนกทิพย์ จันทร์พลังศรี” ลุยพัฒนาโครงการพลังงานทดแทนในต่างประเทศเพิ่ม ส่วนในประเทศเร่งก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ 2 แห่ง ภายในไตรมาส 2/68 พร้อมขึ้นทะเบียน Carbon Credit และ I-RECs สร้างRecurring Income พร้อมเดินหน้า Spin Off “สยาม พาวเวอร์” เข้าตลาดหลักทรัพย์ mai รองรับแผนการเติบโตในอนาคต
นางกนกทิพย์ จันทร์พลังศรี ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (TPCH) ประกอบธุรกิจหลักโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เข้าลงทุนในโครงการพลังงานลม ในนามบริษัท อินโดไชน่า วินด์ พาวเวอร์ จํากัด (IWP) ที่ประกอบธุรกิจผลิตและจําหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานลมในประเทศกัมพูชา และ IWP ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจำนวน 150 เมกะวัตต์ กับ รัฐวิสาหกิจไฟฟ้ากัมพูชา (EDC) แล้วเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 โดยมีระยะเวลา 25 ปี นับจากวันที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (Commercial Operation Date : COD) ซึ่งปัจจุบันได้รับการเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) และ สัญญาสัมปทานโครงการเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการพัฒนาใบอนุญาตก่อสร้างโครงการ และคัดเลือกผู้รับเหมาก่อสร้าง
ส่วนการพัฒนาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ซึ่ง TPCH เข้าร่วมลงทุนกับ บริษัท แม่โขง พาวเวอร์ จํากัด (MKP) ในสัดส่วน40% มูลค่า 12.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ประกอบธุรกิจผลิต และจําหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ใน สปป.ลาว ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจำนวน 100 เมกะวัตต์ กับรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว (EDL) เรียบร้อยแล้ว คาดว่า จะเริ่มก่อสร้างในช่วงไตรมาส 1/2568โดยมีระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 1 ปี
“การเข้าลงทุนในโครงการพลังงานลมที่ประเทศกัมพูชา เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ ซึ่งเรามองเห็นโอกาสการเติบโต และช่องทางการลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทน โดยเฉพาะใน สปป.ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้รายได้เติบโตได้ในระยะยาวอย่างมั่นคง” นางกนกทิพย์กล่าว
ด้านนายเชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (TPCH) กล่าวว่า สำหรับการพัฒนาโครงการพลังงานทดแทนในประเทศ ปัจจุบันมีการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าขยะชุมชน สยาม พาวเวอร์ หนองสาหร่าย (SPNS) กำลังการผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าขยะชุมชน สยาม พาวเวอร์ นากลาง (SPNK) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ คาดว่า จะเริ่มก่อสร้างและติดตั้งเครื่องจักรได้ภายในไตรมาส 2/2568 ในส่วนของโรงไฟฟ้าประเภทพลังงานขยะ สยาม พาวเวอร์ นนทบุรี (SPNT) กำลังการผลิตติดตั้ง 9.5 เมกะวัตต์ มีการปรับปรุงให้สามารถเดินเครื่องให้เสถียรมากขึ้น ขณะที่ มีการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ เพิ่มประมาณ 4 โครงการ ประกอบด้วย SP4-SP7 เป็นโครงการพลังงานขยะชุมชนในรูปแบบ VSPP (Very Small Power Producer)
นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะนำบริษัท สยาม พาวเวอร์ จำกัด (SP) ซึ่ง TPCH ถือหุ้นในสัดส่วน 50% ที่ร่วมกันพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) คาดว่า ภายในปี 2570 เพื่อรองรับแผนการเติบโตในอนาคต
ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าประเภทเชื้อเพลิงชีวมวล จำนวน 7 แห่ง ประกอบด้วย CRB, MWE, MGP, TSG, PGP, SGP, PTG มีกำลังการผลิตติดตั้ง 80.7 เมกะวัตต์ จะมีการพัฒนาปรับปรุงการเดินเครื่องให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้ง ยังมีการควบคุมราคาเชื้อเพลิงและจัดหาแหล่งเชื้อเพลิงใหม่ เพื่อช่วยบริหารจัดการต้นทุนการผลิตไฟฟ้าได้ดีขึ้น พร้อมทั้ง อาจจะมีการศึกษานโยบายการรับซื้อพลังงานชีวมวลจากภาครัฐเพิ่มเติมในอนาคต
ขณะเดียวกัน TPCH ได้ทำ Carbon Footprint และพัฒนาแผนระยะยาวเพื่อก้าวสู่ Carbon Neutral และ Net Zero อย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงการขึ้นทะเบียน Carbon Credit และI-RECs ให้กับโครงการโรงไฟฟ้าที่ได้ COD แล้ว เพื่อเพิ่มช่องทางสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ และให้บริการจําหน่ายแก่ผู้ที่สนใจในการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของตนเอง
บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายกำลังการผลิตติดตั้งรวม 500 เมกะวัตต์ ภายในปี 2569 แบ่งเป็น โรงไฟฟ้าในประเทศ ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล และโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ กำลังการผลิตรวม 150 เมกะวัตต์ รวมทั้งโครงการในต่างประเทศ ทั้งโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม กำลังการผลิต 350 เมกะวัตต์ ซึ่งปัจจุบัน TPCH มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 110 เมกะวัตต์ จากโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล 80.7 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ 29.3 เมกะวัตต์
อนึ่ง ผลการดำเนินงานในปี 2567 (สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2567) มีรายได้รวม2,444.69 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 234.30 ล้านบาท
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 มีมติจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดเพิ่มอีก ในอัตราหุ้นละ 0.037 บาท โดยวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 29 เมษายน 2568 กำหนดวันที่จ่ายปันผล 15 พฤษภาคม 2568 โดยได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลแล้วในปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 0.230 บาท เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2567 และในอัตราหุ้นละ 0.128 บาท เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2567 รวมเป็นเงินปันผลจ่ายทั้งสิ้น 158.47 ล้านบาท