บล.ทรีนีตี้:

Better World Green – เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน (BWG)

3Q64 ขาดทุนต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 5 อีก 25 ล้านบาท

  • BWG รายงานผลการดำเนินงาน 3Q64 ขาดทุนสุทธิที่ -25 ล้านบาท ขาดทุนมากกว่าที่เราคาดไว้จาก 3Q63 ที่ขาดทุน -146 ล้านบาท และ 2Q64 ที่ขาดทุน -24 ล้านบาท
  • เทียบ YoY ที่ขาดทุนลดลงเนื่องด้วยใน 3Q63 บริษัทมีผลขาดทุนจากการบันทึกผลขาดทุนของโครงการงานขุดลอกตะกอนไม่เป็นไปตามที่ TOR ระบุไว้ ส่งผลให้บริษัทต้องบันทึกค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นประมาณ 155 ล้านบาท
  • เทียบ QoQ ขาดทุนค่อนข้างทรงตัว โดยรายได้จากธุรกิจกำจัดขยะปรับเพิ่มสูงขึ้น +12% QoQ, +30% YoY ตามทิศทางของอุตสาหกรรมต่างๆ ที่เริ่มกลับมาดำเนินงาน ในขณะที่ธุรกิจไฟฟ้าจากบริษัท ETC ไตรมาสนี้มีรายได้ลดลง 8% QoQ และมีต้นทุนสูงขึ้น 12% QoQ
  • เราปรับลดประมาณการปี 2564-65 ลงเป็นขาดทุน -85 ล้านบาท และขาดทุน -76 ล้านบาท ตามลำดับ โดยปรับสมมติฐานดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้น และอัตราการทำกำไรของธุรกิจกำจัดขยะที่ยังไม่มีทิศทางฟื้นตัวเท่าที่ควร
  • ปรับคำแนะนำลงเป็นขาย (เดิม “ถือ”) และปรับราคาเป้าหมายปี 2565 เป็น 0.82 บาท (เดิม 0.72 บาท) อิงวิธี PBV ที่ 0.70 เท่า อิง Avg 10 ปี -1SD (เดิม 0.60 เท่า) ใน 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นกว่า 50% จาก 0.7 บาท มาเป็น 1.05 บาท ซึ่งมาจากกระแสข่าวจะถูกเข้าซื้อกิจการ ในขณะที่ทางบริษัทชี้แจงว่ายังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ดังนั้นจึงมองว่าเป็นความเสี่ยงที่นักลงทุนควรให้ความระมัดระวัง

ผลการดำเนินงาน 3Q64 ยังขาดทุนต่อที่ -25 ล้านบาท

BWG รายงานผลการดำเนินงาน 3Q64 ขาดทุนสุทธิที่ 25 ล้านบาท ขาดทุนมากกว่าที่เราคาดไว้จาก 3Q63 ที่ขาดทุน -146 ล้านบาท และ 2Q64 ที่ขาดทุน -24 ล้านบาท

เทียบ YoY ที่ขาดทุนลดลงเนื่องด้วยใน 3Q63 บริษัทมีผลขาดทุนจากบันทึกผลขาดทุนของโครงการงานขุดลอกตะกอน ซึ่งขนาดของตะกอนที่ขุดได้นั้นไม่เป็นไปตามที่ TOR ระบุไว้ ส่งผลให้บริษัทต้องบันทึกค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นประมาณ 155 ล้านบาท

เทียบ QoQ ขาดทุนค่อนข้างทรงตัว โดยรายได้จากธุรกิจกำจัดขยะ (69% ของรายได้รวมในงวด 3Q64) ปรับเพิ่มสูงขึ้น +12% QoQ, +30% YoY ตามทิศทางของอุตสาหกรรมต่างๆเริ่มกลับมาดำเนินงานได้ตามปกติ หลังจากเกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในขณะที่ Gross Margin ของธุรกิจกำจัดขยะทรงตัว QoQ ที่ 8% แต่ลดลง YoY ที่ 23% จากการแข่งขันที่ยังสูง ส่งผลกดดันอัตรากำไรขั้นต้น ในขณะที่ธุรกิจไฟฟ้าจากบริษัท ETC (31% ของรายได้รวมในงวด 3Q64) ไตรมาสนี้มีรายได้ลดลง -8% QoQ และมีต้นทุนสูงขึ้น 12% QoQ (บริษัท ETC ไม่ได้มี MD&A ตั้งแต่ 2Q64 ทำให้การเข้าถึงข้อมูลที่จำกัด)

ปรับประมาณการปี 2564-65 ลงเป็นขาดทุน -85 ล้านบาท และขาดทุน -76 ล้านบาท

เราปรับลดประมาณการปี 2564-65 ลงเป็นขาดทุน -85 ล้านบาท และขาดทุน -76 ล้านบาท ตามลำดับ โดยปี 2564 เราปรับสมมติฐานดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มมาเป็น 135 ล้านบาท จากเดิมที่เราคาดไว้ 97 ล้านบาท (9M64 ดอกเบี้ยจ่าย 103 ล้านบาท จาก bond yield ที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นจากปลายปี 2563) และปี 2565 เราปรับสมมติฐาน GP ของธุรกิจกำจัดขยะที่ยังไม่เห็นการฟื้นตัว โดยปรับจาก 13% เหลือที่ 10% และปรับดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้นเป็น 131 ล้านบาท

ปรับคำแนะนำลงเป็น “ขาย” และราคาเป้าหมายที่ 0.82 บาท

ปรับคำแนะนำลงเป็น ขาย และราคาเป้าหมายปี 2565 เป็น 0.82 บาท (เดิม 0.72 บาท) อิงวิธี PBV ที่ 0.70 เท่า อิง Avg 10 ปี -1SD (เดิม 0.60 เท่า) ธุรกิจรับกำจัดขยะยังมีการแข่งขันกันสูง กดดันต่อผลการดำเนินงานของบริษัท ใน 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นกว่า 50% จาก 0.7 บาท มาเป็น 1.05 บาท ซึ่งมาจากกระแสข่าวจะถูกเข้าซื้อกิจการ ในขณะที่ทางบริษัทชี้แจงว่า ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ดังนั้นจึงมองว่าเป็นความเสี่ยงที่นักลงทุนควรให้ความระมัดระวัง

ความเสี่ยง ความไม่แน่นอนของรายได้ธุรกิจกำจัดขยะและงานก่อสร้าง และข้อจำกัดในการเข้าถึงข้อมูลของบริษัทและบริษัทในเครือ

- Advertisement -