บริษัท จีแคป จำกัด หรือ GCAP GOLD ประเมินทิศทางราคาทองคำในตลาดโลกว่า การปรับตัวขึ้นมาอย่างร้อนแรง โดย Gold Spot ปรับตัวขึ้นไปทำ All-Time High ที่ระดับ $3,004 ส่วนราคาทองคำไทยก็ไม่น้อยหน้า ปรับตัวขึ้นมาแตะที่ 47,600 บาท โดยได้ปัจจัยหนุนจากปัญหาเรื่องสงครามการค้าที่มีแนวโน้มขยายตัวรุนแรงมากขึ้น หลังสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปได้โต้ตอบกันผ่านการขึ้นภาษีสินค้านำเข้า โดย EU ขึ้นภาษี 50% ต่อวิสกี้ของสหรัฐฯ ส่วนสหรัฐฯ ขู่กลับว่าจะเรียกเก็บภาษีผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์และไวน์นำเข้าจาก EU สูงถึง 200% ตลาดมองว่าปัญหาดังกล่าวอาจดำเนินต่อไปอีกสักระยะ ซึ่งกระตุ้นให้นักลงทุนหันมาถือครองทองคำเพิ่มมากขึ้น
ขณะที่สถาบันการเงินระดับโลกได้ทยอยออกมาปรับเป้าทองคำขึ้น อาทิ Goldman Sachs ปรับเป้าหมายทองคำสู่ $3,100 จากการเข้าซื้อของธนาคารกลาง และการไหลเข้าของเงินในกองทุนซื้อขายทองคำแท่ง และยังประเมินว่าราคาทองคำอาจพุ่งแตะ $3,300 จากการเก็งกำไรที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย Macquarie Group คาดว่าความต้องการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยที่เพิ่มสูงขึ้น จะเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาทำสถิติสูงสุดที่ระดับ $3,500 ในไตรมาส 3 ปีนี้
ส่วนในสัปดาห์นี้รอติดตามผลการประชุม FOMC ในช่วงคืนวันพุธ ซึ่งคาดว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25 – 4.50% ในการประชุมครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม ไฮไลท์สำคัญจริง ๆ จะอยู่ที่ถ้อยแถลงหลังการประชุมของประธานเฟด เจอโรม พาวเวล เกี่ยวกับมุมมองเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของเฟดในอนาคตว่าจะออกมาในทิศทางไหน หากเฟดมองว่าเงินเฟ้อยังคงค่อย ๆ ปรับตัวลงหาเป้าหมายตามที่เฟดตั้งไว้ ก็จะเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนราคาทองคำในระยะสั้นในสัปดาห์นี้ได้
ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์การลงทุนสำหรับราคาทองคำในตลาดโลก รอย่อซื้อ Gold Spot $2,965 / $2,945 ส่วนราคาทองคำไทยปรับฐานแนวรับระยะสั้นขึ้นมาอยู่ที่ 46,800 บาท ดังนั้น การลงทุนในรอบสัปดาห์ควรรอจังหวะการย่อตัว แล้วแบ่งไม้เข้าซื้อตามจุดแนวรับสำคัญที่ 47,250 / 47,000 บาท เน้นลงทุนระยะสั้นแบบเข้าเร็วออกเร็ว โดยประเมินเป้าหมายในการทำกำไรเบื้องต้นไว้ที่ 47,800 – 48,000 บาท