KS Daily View 19.03.2025 >>> ติดตาม FOMC คืนนี้ คาดคงดอกเบี้ย/จับตาตัวเลข dot plot projection กรอบ SET วันนี้ 1,160–1,180 หุ้น แนะนำ AURA, CPN

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงอีกครั้งหลังจากรีบาวด์ขึ้นมาสองวันก่อนหน้า ดัชนี Dow Jones ลดลง 0.62%, S&P 500 ลดลง 1.07% และ Nasdaq Composite ลดลง 1.71% ตลาดยังคงกังวลเกี่ยวกับนโยบายภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีทรัมป์ โดยเฉพาะการตัดสินใจเกี่ยวกับภาษีนำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกที่มีกำหนดเส้นตายวันที่ 2 เมษายน นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาผลการประชุม FOMC ที่จะมีขึ้นในคืนนี้ ซึ่งคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.25-4.50% แต่ตลาดต้องการทราบท่าทีของ Fed ต่อเศรษฐกิจและผลกระทบจากนโยบายภาษี ขณะที่สถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่อิสราเอลกลับมาเปิดฉากโจมตีในฉนวนกาซาเป็นปัจจัยกดดันตลาดเพิ่มเติม

ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,176.17 จุด ปรับตัวขึ้นราว 6 จุด (+0.51%) รีบาวด์ขึ้นตามตลาดต่างประเทศ ยกเว้นอินโดนีเซียที่มีปัจจัยลบเฉพาะตัว โดยที่ SET แกว่งตัวในกรอบและพยายามสร้างฐานที่ระดับดัชนี 1,160-1,180 จุด โดยหุ้นในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ธนาคาร และสื่อสาร ปรับตัวขึ้น ในขณะที่กลุ่มปิโตร วัสดุก่อสร้าง และบรรจุภัณฑ์ ปรับตัวลง เราคาดตลาดวันนี้น่าจะยัง Sideway ที่กรอบ 1,160-1,180 จากการที่ในประเทศยังไม่มีปัจจัยหนุนใหม่ที่ชัดเจน และรอผลการประชุม FOMC ในคืนนี้ หุ้นแนะนำเป็น AURA หลังราคาทองคำขึ้นยืนเหนือ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และ CPN ที่ราคาอยู่ใกล้ระดับ -2 SD

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำลงทุนในหุ้น BDMS และ CPALL

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

  1. นายกรัฐมนตรีแพทองธารต้อนรับประธานบริหาร Formula One Group หารือโอกาสไทยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน F1 โดยรัฐบาลจะศึกษาความเป็นไปได้ทั้งเส้นทางแข่ง (street circuit) งบประมาณ และความคุ้มค่า คาดว่าจะเริ่มแข่งขันได้ในปี 2571 ซึ่งจะช่วยพัฒนาโครงสร้างเมือง ดึงดูดนักท่องเที่ยว และพัฒนาอุตสาหกรรมอนาคต โดยประธาน F1 เห็นว่าไทยมีศักยภาพและฐานแฟนมอเตอร์สปอร์ตที่แข็งแกร่ง พร้อมยืนยันจะทำงานร่วมกับรัฐบาลไทยอย่างใกล้ชิดเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดการแข่งขัน
  2. ทรัมป์และปูตินตกลงกันให้หยุดโจมตีระบบพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานในยูเครนทันที ในการคุยโทรศัพท์นานกว่า 90 นาที โดยรัสเซียจะไม่โจมตีระบบพลังงานเป็นเวลา 30 วัน และทั้งสองฝ่ายจะเริ่มเจรจาเรื่องการหยุดยิงในทะเลดำ แต่รัสเซียมีเงื่อนไขว่ายูเครนต้องไม่เข้า NATO และต้องเป็นกลาง ส่วนประธานาธิบดีเซเลนสกี้บอกว่าปูตินกำลังพูดเพื่อหาทางออกที่เอื้อประโยชน์ให้รัสเซีย
  3. อิสราเอลเริ่มโจมตีทางอากาศในฉนวนกาซาอีกครั้งหลังยุติการหยุดยิงกับฮามาส ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 404 คน โดยนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูประกาศว่านี่เป็น “เพียงจุดเริ่มต้น” และจะกดดันทางทหารต่อไปจนกว่าฮามาสจะปล่อยตัวประกันที่เหลือ การโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากสหรัฐฯสั่งโจมตีกลุ่มฮูตีในเยเมน ส่งผลให้ความตึงเครียดในตะวันออกกลางเพิ่มขึ้น ราคาทองคำและน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่อิหร่านและประเทศอาหรับเตือนถึงผลกระทบร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้น
  4. ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบปี โดยการผลิตในภาคการผลิตเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนกุมภาพันธ์ นำโดยการผลิตยานยนต์ที่พุ่งขึ้น 8.5% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม โดยผลผลิตอุตสาหกรรมโดยรวมเพิ่มขึ้น 0.7% และอัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 78.2% สูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์ระบุว่าการเพิ่มขึ้นนี้อาจเป็นผลจากผู้ผลิตรถยนต์เร่งการผลิตก่อนที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะขึ้นภาษีนำเข้า 25% กับแคนาดาและเม็กซิโก
  5. สหรัฐฯ พบการระบาดของไข้หวัดนก H7N9 ครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2017 ในฟาร์มสัตว์ปีกที่รัฐมิสซิสซิปปี ส่งผลกระทบต่อไก่กว่า 47,654 ตัว ซึ่งสายพันธุ์นี้แยกจาก H5N1 ที่กำลังระบาดอยู่ทั่วประเทศ องค์การอนามัยโลกระบุว่า H7N9 น่ากังวลเพราะผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการรุนแรง แม้จะไม่แพร่ระหว่างคนสู่คนได้ง่าย โดยในจีนมีผู้เสียชีวิตกว่า 600 รายจาก 1,568 รายที่ติดเชื้อตั้งแต่ปี 2013 ขณะที่การระบาดของ H5N1 ที่เริ่มตั้งแต่ปี 2022 ส่งผลกระทบต่อสัตว์ปีกกว่า 167 ล้านตัว และมีผู้ติดเชื้อ 70 ราย เสียชีวิต 1 ราย

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

AURA: ราคาพื้นฐาน 20.10 บาท

เราคงมุมมองเชิงบวกต่อ AURA จากราคาทองคำที่ปรับขึ้นมายืนเหนือ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ส่งผลให้บริษัทคาดว่าจะมีกำไรจากส่วนต่างการซื้อขายทองคำของธุรกิจ Modern gold นอกจากนี้ เรามองว่าการตั้งเป้าหมายปี 2568 ที่จะเพิ่มสาขาเป็น 644 แห่ง เติบโต 32% และมากกว่าที่เราคาดไว้ที่ 560 สาขา พร้อมผลักดันพอร์ตสินเชื่อทองคำสู่ 6.5 พันล้านบาท บริษัทตั้งเป้ากำไรสุทธิปี 2568 เติบโต 20-30% ซึ่งมากกว่าที่เราคาดไว้ประมาณ 8% โดยเตรียมปรับขึ้นค่ากำเหน็จทองสูงสุด 300 บาทต่อบาททองในช่วงปลายไตรมาส 1 ถึงต้นไตรมาส 2 ปี 2568 อย่างค่อยเป็นค่อยไป และมีแผนขยายเพดานหนี้จาก 2 เท่าเป็น 2.5 เท่า รวมถึงมีแผนออกหุ้นกู้ 2 พันล้านบาท ซึ่งจะช่วยเสริมสภาพคล่องสำหรับการขยายสาขาและการเติบโตของธุรกิจทองคำ

CPN: ราคาพื้นฐาน 78.00 บาท

ราคาหุ้น CPN ปัจจุบันซื้อขายที่ระดับ -2SD หรือ 13 เท่าของกำไรปี 2568 โดยเราคาดว่าจะมีความเสี่ยงขาลงที่จำกัดจากระดับนี้ เนื่องจาก CPN ยังคงเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีพอร์ตธุรกิจที่กระจายความเสี่ยงได้ดี ซึ่งส่งผลให้มีปัจจัยพื้นฐานและผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง โดยสามารถเพิ่มพื้นที่เช่าได้ต่อเนื่องทุกปีและมีการปรับราคาค่าเช่าได้อย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ เราคาดว่าโครงการดุสิตทั้งห้างสรรพสินค้าและอาคารสำนักงานที่จะเปิดตัวในครึ่งปีหลังจะเป็นปัจจัยกระตุ้นการเติบโตต่อเนื่องในปี 2569 อีกทั้ง CPN ยังสามารถสร้างกระแสเงินสดอิสระได้ดี ซึ่งจะช่วยในการลดหนี้สินลงได้ในอนาคต และในวันศุกร์นี้ CPN จะมีการประกาศแผนธุรกิจสำหรับปี 2568 โดยคาดว่าจะมีการเปิดเผยแนวโน้มการเติบโตและรายละเอียดโครงการใหม่ในอนาคต ซึ่งคาดว่าจะเป็นปัจจัยบวก (Catalyst) สำหรับราคาหุ้นในสัปดาห์นี้

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันพุธติดตามผลการประชุมของ BoJ โดยตลาดคาดว่า BoJ จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.50% ต่อด้วยผลการประชุมของ Fed เรื่องดอกเบี้ยนโยบาย ตลาดคาดการณ์ว่า Fed จะคงอัตราดอกเบี้ยระดับ 4.25-4.50% และคาดการณ์แนวโน้มของเศรษฐกิจของสหรัฐจากทางธนาคารกลาง
  • วันพฤหัสฯ ติดตามตัวเลขยอดขายบ้านมือสองในสหรัฐ (US Existing Home Sale) เดือน ก.พ. โดยตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 3.93 ล้านหลังปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 4.08 ล้านหลัง และ ตัวเลขจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของ สหรัฐ (Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.20 แสนตำแหน่ง
  • วันศุกร์ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของญี่ปุ่น (Japan Inflation) เดือน ก.พ. ตลาดคาดการณ์ที่ 3.60% YoY ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 4.0% YoY และ เงินเฟ้อที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน ตลาดคาดการณ์ที่ 2.50% YoY ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า
- Advertisement -