บล.เคจีไอ : Transportation Sector คงให้น้ำหนักที่ `Neutral` Top pick : AAV
1Q เป็นไตรมาสที่แข็งแกร่งทางด้านท่องเที่ยว
Neutral‧Maintained
จากข้อมูลของกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยว และ กีฬา จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 8.89 ล้านคน (+2.9% YoY) ในช่วงวันที่ 1 มกราคม – 23 มีนาคม 2568 คิดเป็น 23.4% ของประมาณการเต็มปีของ KGI ที่ 38 ล้านคน (+7% YoY) ผลกระทบจากจากความกังวลเรื่องความปลอดภัยฉุดให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดลง 44.9% YoY เหลือเพียง 0.37 ล้านคนในเดือนกุมภาพันธ์ (จาก 0.66 ล้านคนในเดือนมกราคม 2568 และ 0.67 ล้านคนในเดือนกุมภาพันธ์ 2567) เรายังคงให้น้ำหนักกลุ่มขนส่งที่ Neutral และเลือก AAV* เป็นหุ้นเด่นของเราในกลุ่มนี้ โดยเราแนะนำซื้อ และ ประเมินราคาเป้าหมายปี 2568F ที่ 3.80 บาท
Event :
. แนวโน้มธุรกิจของกลุ่มขนส่ง
lmpact :
นักท่องเที่ยวต่างชาติโตในอัตราที่ชะลอลง YoY ในช่วงวันที่ 1 มกราคม- 23 มีนาคม
. จากข้อมูลของกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 8.89 ล้านคน (+2.9% YoY) ในช่วงวันที่ 1 มกราคม – 23 มีนาคม 2568 โดยห้าอันดับแรกเป็นนักท่องเที่ยวจากจีน (1.26 ล้านคน), มาเลเซีย (1.06 ล้านคน), รัสเซีย (0.67 ล้านคน), อินเดีย (0.50 ล้านคน) และเกาเหลีใต้ (0.428 ล้านคน) ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวดังกล่าวคิดเป็น 23.4% ของประมาณการเต็มปีของ KGI ที่ 38 ล้านคน (+7% YoY)
ทั้งนี้ 1Q มักจะเป็นไตรมาสที่การท่องเที่ยวของไทยแข็งแกร่ง แต่ในปีนี้มีปัจจัยลบจากความกังวลเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวจีนเข้ามา ซึ่งส่งผลกระทบกับอัตราการเติบโตของนักท่องเที่ยวจีนในเดือนกุมภาพันธ์ และฉุดให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดลงเป็นครั้งแรกถึง 44.9% YoY เหลือเพียง 0.37 ล้านคน (จาก 0.66 ล้านคนในเดือนมกราคม 2568 และ 0.67 ล้านคนในเดือนกุมภาพันธ์ 2567)
การขนส่งทางอากาศยังดูดีอยู่
. เราคาดว่าการขนส่งทางอากาศ (สนามบินและสายการบิน) จะเป็นกลุ่มหลักที่ได้อานิสงส์จากฤดูท่องเที่ยวของไทย เพราะเป็นด่านหน้าสำหรับรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาประเทศไทย ดังนั้นเราจึงมองบวกกับแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งขึ้น YoY ใน 1Q68F ทั้งนี้ เมื่อมองต่อไปข้างหน้า เรายังคงคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะอยู่ที่ 38 ล้านคนในปี 2568F และเพิ่มเป็น 41 ล้านคนในปี 2569F โดยจะได้แรงสนับสนุนจาก
i) นักท่องเที่ยวที่กระจายตัวมากขึ้น
ii) นโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล
iii) จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่มีโอกาสจะฟื้นตัวขึ้น และ
iv) ความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในแง่จุดหมายการท่องเที่ยว
กำไรของ AOT และ AAV จะโตใน 1Q68F
. เมื่อพิจารณาแนวโน้ม 1Q68F เราคาดว่ากลุ่มนี้น่าจะยังได้โมเมนตัมบวกจากฤดูท่องเที่ยวที่แข็งแกร่งของประเทศไทย ซึ่งน่าจะทำให้ทั้งจำนวนนักท่องเที่ยว และจำนวนเที่ยวบินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง YoY เราคาดว่า AAV* และ AOT* จะได้อานิสงส์จากประเด็นนี้ ซึ่งจะทำให้กำไรของทั้งผู้ประกอบการสนามบิน และสายการบินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เราคาดว่าผลประกอบการของ Asia Aviation (AAV.BK/AAV TB)* จะได้แรงสนับสนุนจาก
i) จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง YoY ใน 1Q68F,
ii) ต้นทุนเชื้อเพลิงที่อยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ และ
iii) ค่าตั๋วเฉลี่ยที่สูงในไตรมาสแรก ซึ่งน่าจะทำให้กำไรจากธุรกิจหลักแข็งแกร่งต่อเนื่อง
นอกจากนี้ Airports of Thailand (AOT.BK/AOT TB)* ยังจะได้อานิสงส์จากธุรกิจการบินด้วย เพราะรายได้จะเพิ่มขึ้นตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาประเทศไทย และนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปต่างประเทศเพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกัน แนวโน้มที่แข็งแกร่งขึ้นของธุรกิจการบินน่าจะทำให้ธุรกิจที่ไม่เกี่ยวกับการบินดีขึ้นตามไปด้วย (รายได้จากค่าเช่า, ค่าบริการและค่าสัมปทาน) ซึ่งมีสหสัมพันธ์เชิงบวกกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น แต่รายได้ที่ไม่เกี่ยวกับการบินน่าจะถูกจำกัดด้วยการขอคืนพื้นที่เชิงพาณิชย์ในช่วงก่อนหน้านี้
การขนส่งทางบกดูไม่น่าตื่นเต้น
. เรายังมองกลาง ๆ กับแนวโน้มของกลุ่มขนส่งทางบก เพราะยังไม่เห็นปัจจัยกระตุ้นใหม่ที่จะมาขับเคลื่อนกำไรของ BTS* นอกจากปัจจัยเฉพาะของบริษัท ได้แก่ ผลขาดทุนจากการลงทุนลดลง, ผลการดำเนินงานของรถไฟฟ้าสายสีชมพูและเหลืองดีขึ้น และการที่ กทม. ชำระหนี้ให้บริษัท ทั้งนี้ รัฐบาลได้อนุมัตินโยบายคุมเพดานราคารถไฟฟ้าทุกสายที่ 20 บาท โดยตั้งเป้าจะเริ่มใช้ภายในเดือนกันยายน 2568 ซึ่งนโยบายนี้จะทำได้ถ้ารัฐบาลซื้อโครงการรถไฟฟ้าคืนจากบริษัทที่เกี่ยวข้อง เราคิดว่าแผนนี้จะส่งผลดีกับ BTS เพราะบริษัทจะได้ไม่ต้องแบกผลการดำเนินงานที่ยังไม่มีกำไรของสายสีชมพูและเหลืองในอีกสองสามปีข้างหน้า
Valuation & Action :
. เรายังคงให้น้ำหนักกลุ่มขนส่งที่ Neutral และเลือก AAV* เป็นหุ้นเด่นของเราในกลุ่มนี้ โดยเราแนะนำซื้อ และประเมินราคาเป้าหมายปี 2568F ที่ 3.80 บาท
Risks :
. COVID-19 ระบาด และเศรษฐกิจฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด