KS Daily View 08.04.2025 >>> SET Risk off กังวลสหรัฐฯ-จีน โต้ตอบขึ้นภาษี มองกรอบ SET วันนี้ 1,080 – 1,100 จุด แนะนำ BDMS, CPF
Theme การลงทุนสัปดาห์นี้: คาดตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้แกว่งตัวในกรอบ 1,050-1,130 จุด โดยแนวโน้มหลักยังเป็นขาลง และมีปัจจัยลบใหม่เข้ามาเร่งให้ดัชนีปรับตัวลงแรงต่อเนื่อง ทั้งแผ่นดินไหวและการปรับเพิ่มภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลเชิงลบทั้งทางพื้นฐานและจิตวิทยา โดยเฉพาะเมื่อดัชนีทะลุแนวรับที่สร้างฐานไว้บริเวณ 1,150-1,160 จุด ประเด็นหลักคือภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ซึ่งตามกำหนดจะปรับขึ้นวันที่ 9 เม.ย. โดยสินค้าส่งออกไทยไปสหรัฐฯ จะถูกเก็บภาษีเพิ่มเป็น 36% ส่งผลให้กลุ่ม Global play เช่น อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ อาหารสัตว์เลี้ยง และเกษตรจะเผชิญแรงกดดัน อย่างไรก็ดี รัฐบาลไทยเตรียมเจรจากับสหรัฐฯ โดยอาจเสนอนำเข้าข้าวโพดเพิ่มเพื่อลดการเกินดุลการค้า ซึ่งอาจเป็นบวกกับกลุ่มอาหารอย่าง CPF จากต้นทุนที่ลดลงนอกจากนี้ยังมีการเปิดเผย Fed minutes ในคืนวันพุธ ซึ่งคาดว่าจะพูดถึงการชะลอการลดดอกเบี้ยเพื่อประเมินความเสี่ยงเงินเฟ้อจากนโยบายภาษี และตัวเลข CPI สหรัฐฯ เดือน มี.ค. ในวันพฤหัสบดีที่คาดลดลงเป็น 2.6% จาก 2.8% อย่างไรก็ตาม ตลาดอาจไม่ให้น้ำหนักปัจจัยเหล่านี้มากนัก เนื่องจากชัดเจนว่าเงินเฟ้อสหรัฐฯ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหลังการปรับภาษีนำเข้า และFed มีแนวโน้มที่จะลดดอกเบี้ยเพื่อรับมือกับผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ประเมินตลาดหุ้นไทยวันนี้ ปรับตัวลงจาก Sentiment เชิงลบที่ส่งผ่านมาตั้งแต่วันศุกร์ที่แล้วจากการที่สงครามการค้าอาจยกระดับขึ้น หลังจีนมีท่าทีที่ตอบโต้สหรัฐฯ โดยการขึ้นภาษีสวนกลับสหรัฐฯ 34% โดยในสัปดาห์นี้แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่มี Domestic exposure ผสมผสานกับ Defensive ที่มีแนวโน้มของผลประกอบการที่แข็งแกร่งใน 1Q25 อย่าง CPF, BTG, BDMS, PR9, AURA และประเมินกรอบวันนี้ที่ 1,080-1,100 จุด
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
1. ประธานาธิบดีทรัมป์ขู่ว่าจะเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มอีก 50% กับจีน หากไม่ถอนแผนการตอบโต้ภาษี 34% ภายในวันที่ 8 เมษายน 2568 ในขณะที่เตรียมเจรจากับญี่ปุ่นและอิสราเอล สะท้อนให้เห็นว่าทรัมป์พร้อมจะใช้วิธีการเชิงบวกกับประเทศที่แสดงท่าทีประนีประนอม และใช้วิธีการแข็งกร้าวกับประเทศที่ขู่จะตอบโต้ โดยภาษี 50% นี้จะเพิ่มเติมจากภาษี 34% ที่จะเริ่มใช้วันพุธนี้และภาษี 20% ที่เก็บก่อนหน้านี้เกี่ยวกับการค้ายาเฟนทานิล
2. ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ประกาศปรับเกณฑ์การซื้อขายชั่วคราวระหว่างวันที่ 8-11 เมษายน 2568 เพื่อรับมือกับความผันผวนจากผลกระทบของนโยบายภาษีใหม่ที่ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงอย่างมาก มาตรการที่ประกาศใช้รวมถึงการปรับกรอบราคาซื้อขายแบบ Dynamic Price Band จาก ±10% เป็น ±5% จากราคาซื้อขายล่าสุด และการห้ามขายชอร์ตทุกหลักทรัพย์ชั่วคราว ยกเว้น Market Maker โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ จะติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องและพร้อมปรับเปลี่ยนเกณฑ์ให้เหมาะสม เพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพของตลาดและความมั่นใจของนักลงทุน
3. สหรัฐฯ และญี่ปุ่นเตรียมเริ่มการเจรจาการค้าทวิภาคี หลังการสนทนาระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์และนายกรัฐมนตรีอิชิบะ โดย รวม.คลัง เบสเซนต์ระบุว่าญี่ปุ่นจะได้รับการพิจารณาเป็นลำดับแรกเนื่องจากตอบสนองอย่างรวดเร็ว แม้ว่าสหรัฐฯ จะเก็บภาษี 24% กับสินค้าญี่ปุ่นทั้งหมด และภาษี 25% สำหรับรถยนต์ นายกฯ ญี่ปุ่นย้ำว่าญี่ปุ่นไม่ได้ทำการค้าที่ไม่เป็นธรรม พร้อมชี้ให้เห็นว่าญี่ปุ่นเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2019 โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีการลงทุนโดยตรงมูลค่า 418 ล้านดอลลาร์ และสร้างงานถึง 2.3 ล้านตำแหน่งในสหรัฐฯ
4. ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน เปิดเผยว่า EU ยังคงมุ่งมั่นที่จะเจรจากับสหรัฐฯ เกี่ยวกับมาตรการภาษีนำเข้า 20% ที่สหรัฐฯ เพิ่งประกาศใช้ แต่พร้อมที่จะใช้มาตรการตอบโต้หากจำเป็นต้องปกป้องผลประโยชน์ของตน โดยหลังการหารือกับนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ฟอน เดอร์ เลเยน ได้แสดงความกังวลต่อผลกระทบของมาตรการนี้ที่จะส่งผลเสียหายต่อประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวมถึงประเทศยากจนที่สุด
5. นักลงทุนเพิ่มการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ 125 bps หรือ 5 ครั้ง และมีโอกาส 40% ที่จะมีการลดดอกเบี้ย 25 bps ภายในสัปดาห์หน้า ก่อนการประชุม Fed ที่กำหนดไว้ในวันที่ 7 พฤษภาคม เนื่องจากความกังวลเรื่องภาวะถดถอยทั่วโลกที่อาจเกิดจากการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ
Daily pick
BDMS: ราคาพื้นฐาน 29.40 บาท
เราชอบ BDMS สำหรับ Defensive play ในฐานะเครือข่ายโรงพยาบาลที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศไทย โดยปัจจุบันซื้อขายต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ -1SD ซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนักและเกิดขึ้นเพียงสามครั้งตั้งแต่ปี 2553 เมื่อมองไปข้างหน้า เราคาดว่า BDMS จะรักษาโมเมนตัมการเติบโตที่แข็งแกร่งได้จนถึงปี 2568 โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 ซึ่งรายได้มีแนวโน้มที่จะเกินเป้าหมายของฝ่ายบริหารที่ 7-8% สำหรับครึ่งแรกของปี 2568 จากการประเมินของเรา BDMS มีแนวโน้มที่จะเติบโตของรายได้อย่างน้อย 8% ในสองเดือนแรกของปี 2568 ทำให้เป็นโรงพยาบาลเพียงสองแห่งจาก PR9 ที่สามารถแสดงให้เห็นถึงการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในไตรมาสที่ 1 ปี 2568
CPF: ราคาพื้นฐาน 28.40 บาท
คาดแนวโน้มกำไรไตรมาสที่ 1 ปี 2568 จะปรับตัวขึ้นทั้ง YoY, QoQ จาก GPM ที่ปรับตัวขึ้น หนุนโดยราคาสุกรเพิ่มขึ้นขณะที่ต้นทุนอาหารสัตว์ลดลง ทั้งนี้คาดว่าราคาหมูในประเทศไทยและเวียดนามจะยังคงสูงตลอดปี 2568 จากการหดตัวของอุปทานโดยรวม บริษัทมีรายได้ในประเทศไทยและเวียดนามคิดเป็น 30% และ 20% ของรายได้ทั้งหมดตามลำดับ
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันอังคาร ติดตามดัชนีการสำรวจของภาพเศรษฐกิจของญี่ปุ่น (Japan Economy Watchers Survey Outlook) เดือน มี.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 45.8 จุดเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 46.6 จุด
- วันพุธ ติดตามดัชนีรายงานความเชื่อมั่นของผู้บริโภคของญี่ปุ่นเดือน มี.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 34.8 จุดเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 35 จุด ต่อด้วยรายงานการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารสหรัฐ (FOMC minutes)
- วันพฤหัสฯ ติดตามรายงานอัตราเงินเฟื้อของจีน (China CPI)เดือน มี.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +0.10% YoY เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ -0.70% YoY ต่อด้วยตัวเลขเงินสหรัฐฯ (US CPI) เดือน มี.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +2.6% YoY ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้าที่ +2.8% YoY ขณะที่ Core CPI ตลาดคาดที่ +3.0% YoY ลดลงจาก +3.1% YoY ในเดือนก่อนหน้า
- วันศุกร์ ติดตามดัชนีราคาผู้ผลิต (US PPI index) ของสหรัฐฯ สำหรับเดือน มี.ค. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 3.2% YoY และ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภครัฐจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน (Michigan Consumer Sentiment Prelim) เดือน เม.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 55.0 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 57.0 จุด