Daily Focus: ชะลอตัวก่อนเข้าช่วงวันหยุดยาว

2025 SET Target: 1180

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งตามคาด ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก ดัชนีปิดบวก 45.77 จุด ที่ระดับ 1,133.95 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5 หมื่นลบ.ได้แรงหนุนหลังทรัมป์ชะลอการเก็บภาษีออกไป 90 วัน โดยเหลือเก็บเพียง 10% บัญชีบล. สถาบันในประเทศ และนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 1.7 พันลบ. 1.4 พันลบ. และ 958 ลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติ Long Index Futures ต่อเนื่องอีก 1.3 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะพักตัวระยะสั้นตามตลาดหุ้นต่างประเทศสู่ระดับ 1,120+- จุด หลังจากพุ่งขึ้นแรงวานนี้ โดยคลายกังวลหลังทรัมป์ประกาศเลื่อนการเก็บภาษีนำเข้าออกไป 90 วัน โดยเหลือเพียง 10% สำหรับประเทศที่ไม่ตอบโต้ อย่างไรก็ตาม ตลาดยังกังวลและอยู่ในช่วงประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกว่าจะเดิบโตชะลอลงมากน้อยเพียงใด ขณะที่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนจะลุกลามเพิ่มเติมไปถึงจุดใด หลังล่าสุดสหรัฐฯเก็บภาษีสินค้าจีนเป็น 145% ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืนเงินเฟ้อ CPI เดือน มี.ค. สหรัฐฯต่ำกว่าคาด (Core +0.1% m-m, +2.8% y-y) แต่มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นใน 2Q25 จากภาษีนำเข้าที่เริ่มบังคับใช้ ส่วนของไทยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน มี.ค. ลดลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันสู่ระดับ 56.7 ซึ่งเป็นสัญญาณที่ไม่ดีนักต่อภาคการบริโภคในประเทศ ส่วนการเมืองเริ่มที่จะเป็นประเด็นมากขึ้นต่อความขัดแย้งเรื่อง Entertainment Complex ในพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งทำให้เสถียรภาพมีแนวโน้มไม่แน่นอนมากขึ้นในครึ่งปีหลัง โฟกัสถัดไปของตลาดคาดอยู่ที่การเริ่มประกาศกำไร 1Q25 ของกลุ่มธนาคารช่วงหลังสงกรานต์ และการคาดการณ์ฝั่ง Real Sector โดยต้องจับตาว่าจะเห็นการทยอยปรับลดประมาณการกำไรลงหรือไม่ จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่โตต่ำกว่าที่ประเมินช่วง ต้นปี กลุ่ม Defensive และ Consumer Staple คาดยังปรับตัวได้แข็งแกร่งกว่าตลาด

กลยุทธ์ : ยังเน้น Selective Buy หุ้น Domestic ที่มีแนวโน้มกำไร 1Q25-2025 แข็งแกร่ง และกระทบจำกัดต่อความเสี่ยงเศรษฐกิจชะลอตัว

หุ้นเด่นเดือน เม.ย. : BA, BBL, CPF, HMPRO, OSP

FSSIA Portfolio: BA, BBL, BTG, CPALL, MTC, NSL, PR9, SEAFCO, SHR

หุ้นเด่น Finansia 11 เม.ย. 25 : KCG

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 11 บาท 
  • คาดกำไรปกติ 1Q25 ที่ 108 ลบ. –34% q-q แต่เพิ่มขึ้น 16% y-y โดยคาดรายได้เติบโตได้ +12% y-y จากความต้องการเนยชีสที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องจากปีก่อน และการออกสินค้าใหม่ แม้ราคาวัตถุดิบยังทรงตัวอยู่ระดับสูง แต่อัตรากำไรขั้นต้นยังอยู่ระดับดีที่ 30.8% ทรงตัว q-q 
  • แนวโน้มกำไร 2Q25 คาดยังเติบโตได้ y-y ต่อเนื่อง เรายังคงประมาณการกำไรปกติปี 2025 ที่ 447 ลบ. +10% y-y ราคาหุ้นปัจจุบันเทรด PE เพียง 10 เท่าและให้ปันผลสูงถึงเกือบ 6% ต่อปี
  • แนวรับ 7.80//7.40 บาท แนวต้าน 8.30-8.40 บาท 

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนต่างชาติพลิกมาไหลเข้าภูมิภาคสุทธิตามคาด แต่ปริมาณยังไม่หนาแน่นนักที่ US$115 ล้าน เม็ดเงินไหลเข้าเกาหลีใต้ US$300 ล้าน แต่ยังไหลออกจากไต้หวัน US$134 ล้าน ส่วนอาเซียนเม็ดเงินไหลเข้าไทยประเทศเดียว แต่ไหลออกจากอินโดนีเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดจะพลิกมาไหลออกตามสินทรัพย์เสี่ยงที่ถูกขายอีกครั้งเมื่อคืนที่ผ่านมา หลังจากพุ่งแรงวันก่อนหน้า

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) CPALL คาดกำไรปกติ 1Q25 ที่ 6.8 พันลบ. -2% q-q, +13% y-y หลักๆ มาจาก Product mix โดยคาด SSSG ของธุรกิจร้าน 7-Eleven +3% y-y และมีการเปิดสาขาใหม่ 175 แห่ง และยอดขายของ CPAXT ยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง ส่งผลให้รายได้รวมคาดว่าจะเติบโตได้แข็งแกร่ง +5% y-y แต่ -1% q-q ตามฤดูกาล กำไร 1Q25 ที่เราคาดคิดเป็น 24.5% ของประมาณการทั้งปี ในขณะที่แนวโน้มผลประกอบการ 2Q25 จะเติบโตแข็งแกร่งเพราะเป็น high season คงประมาณการกำไรปี 2025 +10% y-y ราคาเป้าหมาย 83 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(+) SCGP คาดกำไรปกติ 1Q25 ที่ 865 ลบ. +13x q-q แต่ยัง -48% Y-Y การบริโภคในอาเซียนยังโตต่อใน 1Q25 แม้จะมีความระวังอยู่บ้าง ต้นทุนที่ลดลงเป็นปัจจัยหนุนกำไรโต q-q แต่ลดลง y-y เนื่องจากการบริโภคใน 1Q24 แข็งแกร่งมาก เร็วเกินไปที่จะประเมินผลกระทบจากสงครามการค้า แต่การคุมรายจ่ายช่วยลดผลกระทบได้กำไรที่เราคาดใน 1Q25 คิดเป็น 22% ของประมาณการทั้งปีที่ 4 พันลบ. +2% y-y แม้จะมีความเสี่ยงอยู่ข้างหน้า แต่เรายังคงประมาณการกำไรและราคาเป้าหมาย 29 บาท Valuation ถูกมาก ยังเนะนำ “ซื้อ”

(+) AP Presales 1Q25 อยู่ในเกณฑ์ดีที่ 1.2 หมื่นลบ. +31% q-q, +25%y-y หลักๆ มาจากยอด Presales แนวราบ +42% q-q และ 40% y-y เบื่องต้นคาดกำไร 1Q25 ลดลง q-q และ y-y อยู่ที่ 800-900 ลบ. โดยการหดตัว q-q ตามยอดโอนที่ลดลงหลังเปิดตัวโครงการแนวราบน้อยลงและไม่มีคอนโดสร้างเสร็จใหม่ เรายังติดตามผลกระทบของเหตุการณ์แผ่นดินไหวต่อยอดขาย ซึ่งมองว่ากระทบตลาดคอนโดชะลอตัวในระยะสั้น ทั้งนี้ประมาณการกำไรปี 2025 ที่ 5.1 พันลบ. +2% y-y กรณีให้ยอดโอนคอนโดลดลง 30% จากคาดการณ์ของเราจะมี Downside 7% ต่อประมาณการกำไรปีนี ราคาเป้าหมาย 9.70 บาท ยังแนะนำ”ซื้อ”

(0) SCGD คาดกำไรปกติ 1Q25 +31% q-q, -9% y-y การเติบโต q-q หลักๆมาจาก ส่วนการหดตัว SG&A ลดลง ภายหลัง 4Q24 ปรับโครงสร้างธุรกิจ ส่วนการหดตัว yY-y ตามทิศทางยอดขายที่ -11% y-y จากการขายโครงการอสังหาฯซบเซา ขณะที่ GPM คาดทรงตัว q-q ที่ 26.5% แต่เพิ่มขึ้นจาก 23.9% ใน 1Q24 หากกำไร 1Q25 ตามคาด จะคิดเป็น 24% ของประมาณการทั้งปี แนวโน้มกำไร 2Q25 คาดอ่อนลง q-q. y-y ตามปัจจัยฤดูกาล ภาพรวมยังไม่น่าตื่นเต้น แต่ราคาหุ้นฟื้นหลังปรับลงแรงในช่วงก่อนหน้า ปัจจุบันเทรดบน PE 6.4 เท่า และคาด Dividend vield 5.3%

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 1,014.79 จุด หรือ -2.50%, ปิดที่ 39,593.66 จุดเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนจะส่งผลให้เศรษฐกิจเผชิญภาวะถดถอย

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดพุ่งขึ้น โดยดัชนีส่วนใหญ่ทำสถิติปรับตัวขึ้นรายวันมากที่สุด นับตั้งแต่ปี 2565 หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ประกาศเลื่อนการจัดเก็บภาษีตอบโต้กับประเทศคู่ค้าหลายแห่ง ส่งผลให้ตลาดดีดตัวขึ้นอย่างมาก หลังจากที่เผชิญกับแรงขายอย่างหนักก่อนหน้านี้

(-) ตลาดหุ้น เอเชียเปิดลบ หลังนักลงทุนกังวลว่าสงครามการค้าจะทวีความรุนแรงมากขึ้นระหว่างจีนและสหรัฐฯ

(+) ค่าเงินบาท แข็งค่าอยู่ที่บริเวณ 33.91 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ หรือ -0.69%

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 2.28 ดอลลาร์ หรือ 3.66% ปิดที่ 60.07 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยตลาดถูกกดดันจากความวิตกกังวลว่าสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นระหว่างจีนและสหรัฐฯ จะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมัน ในขณะที่เช้านี้ลดลงอยู่ที่ระดับ 59.68 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.65%

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 98.10 ดอลลาร์ หรือ 3.19% ปิดที่ 3,177.50 ดอลลาร์/ออนซ์ ปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนมีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้น ในขณะที่เช้านี้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 3,208.80 ดอลลาร์/ออนซ์หรือ 0.99%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 949.71/ 1.35%

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

11 เม.ย.สหรัฐ: Core PPI (มี.ค.)
12 เม.ย.จีน: ส่งออก (มี.ค.)
14 เม.ย.กลุ่มโอเปก: OPEC Monthly Report
15 เม.ย.แคนนาดา: เงินเฟ้อ (มี.ค.)
16 เม.ย.จีน: 1Q25 GDP growth, ยอดค้าปลีก

สหรัฐ: ยอดค้าปลีก (มี.ค.)

- Advertisement -