ต้องกลับมาพิจารณาโอไมครอนอีกครั้ง หลังพบการระบาดหลายประเทศ สัปดาห์น้ีแนะ ONEE BCH

วันศุกร์ที่ผ่านมา Dow Jones ปรับฐานลงแรง 1.48% แต่หากพิจารณาเพิ่มเติมจะพบว่า S&P500 ปรับฐานเพียง 1% ซึ่งหากเป็นไปตามที่หลายสำนักข่าวรายงานว่าตลาดกลับมากังวลกับดอกเบี้ยที่ FED จะเริ่มใช้นโยบายการเงิน เข้มงวด S&P500 ที่มีกลุ่ม TECH เป็นกลุ่มหลักราว 29% ควรจะปรับฐานแรง ขณะที่ด้าน Vix Index ที่สะท้อนความกังวลของนักลงทุนยังแกว่งอยู่ระดับต่ำ เราจึงเชื่อว่าเป็นเพียงแรงทำกำไรปกติมากกว่าที่นักลงทุนจะกังวลกับ เรื่องของดอกเบี้ย ทำให้ระยะสั้นมีโอกาสที่ SET INDEX จะเผชิญจิตวิทยาเชิงลบจากการปรับฐานของ Dow Jones บ้าง แต่ด้วยพื้นฐานเศรษฐกิจไทยและกำไรบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในช่วงฟื้นตัวหลังผ่อนคลายมาตรการ ประกอบกับ ปัจจุบันไม่ได้เผชิญการระบาด COVID-19 ที่หนักเหมือนหลายประเทศใน EU และเอเชียบางประเทศ อาทิ เวียดนาม , เกาหลี ทำให้การปรับฐานจะเป็นโอกาสในการสะสมมากกว่า ส่วนกรณีกระทรวงการคลังมีแผนจะเก็บภาษีในการขายหุ้นที่มูลค่ามากกว่า 1 ล้านบาทในอัตรา 0.1% แผนการเก็บภาษีลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ในช่วง ก.ค. 21 แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เกิดขึ้น จึงเชื่อว่ากับครั้งนี้รัฐบาลจะเป็นเพียงลักษณะเปิดเผยข่าวออกมาเพื่อรอดูการตอบรับของประชาชนเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หากประกาศใช้จริงจะมีผลเชิงลบกับจิตวิทยาการลงทุน รวมถึงมูลค่าการซื้อขายที่จะลดลงไป และมีโอกาสที่ Fund Flow ต่างชาติจะให้ความสนใจกับตลาดอื่นมากกว่า มองกลุ่มรับผลกระทบ ได้แก่ Broker ส่วนพื้นฐานกำไรบริษัทจดทะเบียนยังมองว่าไม่มีผลกระทบมาก

สำหรับปัจจัยสัปดาห์นี้ ได้แก่ (1) การประชุม กนง. ในวันที่ 22 ธ.ค. คาดที่ประชุมคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เนื่องจากเศรษฐกิจไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้วในช่วง 3Q21 แต่แนะติดตามมุมมองเศรษฐกิจหลังประเทศไทยได้ผ่อนคลายมาตรการมาแล้วราว 3 เดือน (2) ตัวเลขการค้าระหว่างประเทศในวันที่ 23 ธ.ค. Bloomberg คาดมูลค่าส่งออก +16.6%YoY, นำเข้า +22.5%YoY โดยมีการขาดดุลการค้า 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (3) ประชุม ครม. ในวันที่ 21 ธ.ค. คาดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมองกลุ่มอิงการบริโภคจะได้ประโยชน์ (BJC CPALL COM7 CRC GLOBAL HMPRO SIS SYNEX) (4) การระบาด Omicron ปัจจุบันแพร่กระจายแล้ว 89 ประเทศ ส่งผลให้เริ่มมีบางประเทศ อาทิ เนเธอร์แลนด์ได้ประกาศปิดร้านค้าและร้านบริการที่ไม่จำเป็น รวมถึงปิดโรงเรียนเพื่อสกัดกั้นการระบาด สอดคล้องกับด้าน ฝรั่งเศสได้ยกเลิกงานฉลองปีใหม่ มอง MINT รับผลกระทบจากการที่มีรายได้ใน EU ดังนั้น ด้วยสัปดาห์นี้ไม่ค่อยมีปัจจัยบวก จึงประเมินว่า SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1600–1640

กลยุทธ์การลงทุน ระยะสั้นเน้น Theme COVID-19 Play อาทิ โรงพยาบาล (BCH CHG) ถุงมือยาง (STA STGT) ส่วนการลงทุนระยะกลาง จังหวะปรับฐานของตลาดยังมองเป็นโอกาสสะสม Domestic อาทิ ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK SCB) ค้าปลีก (BJC CPALL CRCHMPRO) ปั๊มน้ำมัน (PTG) โรงภาพยนตร์ (MAJOR)

Stock Pick

ONEE (ซื้อ/ ราคาเป้าหมาย 11.8 บาท) เริ่มต้นบทวิเคราะห์ด้วย คำแนะนำ “ซื้อ” คาดบริษัทมีโอกาสสูงในการกินส่วนแบ่งการตลาดเม็ดเงินโฆษณาผ่านช่องทางทีวีเพิ่มขึ้นยจากคู่แข่ง โดย ณ ปัจจุบัน บริษัทอยู่ที่อันดับ 3 ในเชิงรายได้และ Rating คาดรายได้ในฝั่งของช่องทางออนไลน์จะเติบโตเฉลี่ย 16% ในช่วง 4 ปี ข้างหน้า โดยคาดจะมีสัดส่วน 28% ของรายได้ในปี 2024 หนุนจากจำนวนยอดคนติดตามที่สูงที่สุดในช่องทาง YouTube และ Facebook เทียบกับคู่แข่งในประเทศ

BCH (ถือ / ราคาเป้าหมาย 21 บาท) คาดกำไร 4Q21 จะโตแข็งแกร่ง YoY จากกลุ่มคนไข้เงินสดและประกันสังคม ทบต้นกับรายได้วัคซีนทางเลือกที่เพิ่มเข้ามา ขณะที่ระยะสั้นได้ปัจจัยหนุนจากการระบาด COVID-19

- Advertisement -