WFX ลั่นระฆังส่งหุ้นลงกระดานเทรด 23 ธ.ค.นี้ มั่นใจสร้างผลตอบแทนที่น่าประทับใจได้ เผยหลังเข้าจดทะเบียนใน SET ความสามารถการทำกำไรสูง เดินหน้าขยายกำลังการผลิต เร่งสปีดยอดขาย  จ่อขึ้นแท่นผู้นำตลาดระดับโลกในช่วง 3 ปีข้างหน้า วางกลยุทธ์รักษาการเติบโตอัตรากำไรขั้นต้นในระดับสูง พร้อมบุกตลาดใหม่ รองรับดีมานด์ มั่นใจแผนการระดมทุนครั้งนี้ ช่วยผลักดันธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน สร้างผลตอบแทนที่ดีกับผู้ถือหุ้น พร้อมยืนยันกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่กอดหุ้นแน่น ไม่ขายออกมาแน่นอน ตอกย้ำมั่นใจในศักยภาพการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน

 

นายชวลิต ติยาเดชาชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวิลด์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ WFX เปิดเผยว่า มั่นใจว่าในวันที่ 23 ธันวาคม 2564 หุ้น WFX จะเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นวันแรก ในหมวดธุรกิจแฟชั่น จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างคึกคัก เนื่องจากบริษัทเป็นหนึ่งในผู้ผลิตเส้นด้ายยางยืดรายใหญ่ระดับโลก มีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และเป็นรายแรกที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) โดยผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ในฐานะผู้นำตลาด จากการผลิตสินค้าที่มีความหลากหลาย และแผนการขยายฐานลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ เห็นได้จากผลการดำเนินงาน งวด 9 เดือนแรกปี 2564  ที่สามารถสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีรายได้รวม 2,590 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 874 ล้านบาท หรือ 51% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 1,715 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 188 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 129 ล้านบาท หรือ 218% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 59 ล้านบาทโดยอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) อยู่ที่ 15.96% และกำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อยู่ที่ 7.27%

“จากแผนระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อรองรับแผนเพิ่มผลิตอีก 12,400 ตันต่อปี ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันกำลังการผลิตอยู่ที่ 35,000 ตันต่อปี จะเพิ่มโอกาสการเติบโตให้กับ WFX ในช่วง 1-3 ปีข้างหน้าได้เป็นอย่างมาก รองรับแผนการก้าวขึ้นสู่ความเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในตลาดโลกภายใน 3 ปีข้างหน้า พร้อมกันนี้ ผู้ถือหุ้นทุกท่านที่ลงทุนร่วมไปกับ WFX สบายใจได้ เพราะกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ยืนยันว่าจะไม่มีการขายหุ้นออกมา” นายชวลิต กล่าว

สำหรับวัตถุประสงค์ในการนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหลักทรัพย์ครั้งนี้ หลังหักค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเสนอขายหลักทรัพย์เป็นจำนวนเงินสุทธิประมาณ 998.12 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็นสามส่วนคือ ใช้เป็นเงินทุนในการขยายโรงงานผลิตเส้นด้ายยางยืด  350 ล้านบาทภายในปีหน้า ชำระคืนเงินกู้แก่สถาบันการเงิน 400 ล้านบาท ภายในปี 2564 และเป็นทุนหมุนเวียนในกิจการ 248.12 ล้านบาท ภายในปี 2565

ด้านนายณัฐ วงศาสุทธิกุล กรรมการผู้จัดการ WFX กล่าวว่า จากจุดเด่นของบริษัท ในฐานะผู้นำตลาดเส้นด้ายยางยืดระดับโลก เป็นผลิตภัณฑ์กลางน้ำที่มีผลิตภัณฑ์สินค้าหลากหลายป้อนให้กับคู่ค้า เพื่อนำไปใช้ในการผลิตสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคที่ต้องซื้อซ้ำ ทำให้ความต้องการสินค้ามีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และยังมีความได้เปรียบคู่แข่งในตลาด จากการที่ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตยางพารารายใหญ่ของโลก ทำให้บริษัทมีความได้เปรียบในการแข่งขันราคา อีกทั้งการที่มีบริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TRUBB เป็นบริษัทแม่ ยิ่งเพิ่มศักยภาพให้กับ WFX

นอกจากนี้ WFX ยังใช้กลยุทธ์เชิงรุก (Growth Strategy) ในการเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ทั่วโลก ภายใต้ทีมงานฝ่ายขายและการตลาดที่มีความแข็งแกร่ง สามารถพูดได้มากกว่า 10 ภาษา กระจาย 50 ประเทศทั่วโลก และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองลูกค้าอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้มั่นใจว่าจะสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับสูงได้อย่างต่อเนื่อง

นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม ฝ่ายวาณิชธนกิจ ด้านตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) ของ WFX กล่าวว่า มั่นใจว่าหุ้น WFX จะเป็นหุ้นน้องใหม่ในตลาดหลักทรัพย์ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง มีประสบการณ์ดำเนินธุรกิจมายาวนาน ทำให้มีองค์ความรู้ และเป็นที่ยอมรับของลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ  และการกระจายหุ้น IPO นี้ได้มีนักลงทุนสถาบัน กองทุนส่วนบุคคล และ นักลงทุน High Networth ให้ความสนใจเข้าจองซื้อ เป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อธุรกิจของบริษัท เนื่องจากมองเห็นถึงศักยภาพการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต

“หลังจากได้เงินจากการเพิ่มทุน บริษัทมีแผนจะนำไปขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับคำสั่งซื้อล่วงหน้าของบริษัทที่มีมาอย่างต่อเนื่องเป็นจำนวนมาก อีกทั้งการเพิ่มกำลังการผลิตจะช่วยให้กำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้น จาก economies of scale รวมถึงความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้น พร้อมแข่งขันในเวทีโลก และก้าวสู่ความเป็นผู้นำตลาดโลกตามแผนงานที่วางไว้” นายรัฐชัย กล่าว

ทั้งนี้ WFX ได้ขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวน 142 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท ในราคาหุ้นละ 7.20 บาท โดยแบ่งออกเป็น 4 ส่วน ประกอบด้วย  ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TRUBB ตามสัดส่วนการถือหุ้นใน TRUBB (Pre-emptive Right) ไม่เกิน 11,360,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 8.00 กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทไม่เกิน 14,200,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 10.00 ผู้มีอุปการคุณของบริษัท ไม่เกิน 18,460,000  หุ้น  คิดเป็นร้อยละ 13.00 และบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ไม่น้อยกว่า 97,980,000 หุ้น  คิดเป็นร้อยละ 69.00

*************

- Advertisement -