PTC เตรียมความพร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หลัง ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง นับถอยหลังรอวันเสนอขาย IPO จำนวนไม่เกิน 110 ล้านหุ้น เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ mai ชูจุดเด่นการรเป็นเบอร์ 1 คลังน้ำมันในพื้นที่ภาคอีสานตอนบน ล่าง รุกเสริมความมั่นคงด้านพลังงานเชื้อเพลิงให้กับประเทศ มุ่งเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อให้ทุกพื้นที่มีโอกาสเข้าถึงพลังงานอย่างเท่าเทียมกัน 

 

นายวีรวัฒน์ บูรพพัฒนพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีเมียร์ แทงค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PTC เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมีบริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

ทั้งนี้ จากประสบการณ์ในการประกอบธุรกิจขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงทางบกและสถานีบริการน้ำมัน มากว่า 20 ปี ทำให้ทีมผู้บริหารเล็งเห็นถึงโอกาสทางธุรกิจในการพัฒนาระบบห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของอุตสาหกรรมพลังงานให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้บริการรับ เก็บ และจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงให้แก่สถานีบริการน้ำมันภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัท ผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่สุดของประเทศ โดยเริ่มก่อสร้างคลังน้ำมันแห่งแรกที่ อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น กำลังการจ่ายน้ำมันสูงสุด 4.6 ล้านลิตรต่อวัน รองรับความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงแก่กลุ่มสถานีบริการน้ำมันในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน

ต่อมาได้ก่อสร้างคลังแห่งที่ 2 ที่ อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งถือเป็นที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ในการกระจายน้ำมันเชื้อเพลิงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างที่สามารถเชื่อมต่อกับทางรถไฟได้ ทำให้มีศักยภาพการให้บริการเพิ่มมากขึ้น ทั้งช่วยลดต้นทุนและเพิ่มช่องทางการขนส่งให้แก่ลูกค้า โดยคลังแห่งที่ 2 นี้มีระบบการผสมน้ำมันเชื้อเพลิงแบบอินไลน์ (Inline Fuel Blending) จึงมีความยืดหยุ่นในการปรับสูตรผลิตภัณฑ์ ทำให้จ่ายน้ำมันได้หลากหลายประเภท ด้วยกำลังการจ่ายน้ำมัน 2.4 ล้านลิตรต่อวัน นอกจากนี้ ยังสามารถรองรับการให้บริการแก่ผู้ค้าน้ำมันได้มากกว่าหนึ่งราย โดยบริษัทจะทำหน้าที่เป็นผู้รับและจ่ายน้ำมันให้แก่สถานีบริการน้ำมันของผู้ค้าในพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมน้ำมันเชื้อเพลิง

นอกจากนี้ บริษัทเป็นผู้ให้บริการที่มีบทบาทสำคัญในการกระจายน้ำมันเชื้อเพลิงให้กับสถานีบริการน้ำมันครอบคลุมทั่วทั้งภาคอีสาน โดยลักษณะการดำเนินธุรกิจ ประกอบด้วย บริการรับ เก็บ และจ่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิงสำเร็จรูปประเภทเบนซินและดีเซล ให้บริการที่คลังน้ำมัน จ.ขอนแก่น และคลังน้ำมัน จ.ศรีสะเกษ และบริการผสมน้ำมันเชื้อเพลิงพื้นฐานตามสูตร เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิงสำเร็จรูปตามที่ลูกค้าต้องการ ให้บริการที่คลังศรีสะเกษ

“บริษัทมีเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจที่ชัดเจนคือ การเพิ่มประสิทธิภาพในการรับ จ่ายน้ำมัน โดยรองรับวิธีการขนส่งน้ำมันที่หลากหลาย และเพิ่มจำนวนสถานีบริการที่มารับน้ำมันจากคลังของบริษัท มุ่งเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งมอบพลังงานเพื่อให้ทุกพื้นที่ มีโอกาสเข้าถึงพลังงานอย่างเท่าเทียมกัน และสร้างธุรกิจใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับวิสัยทัศน์ และพันธกิจ เพื่อเป็นการกระจายฐานรายได้ และลดความเสี่ยงจากการพึ่งพิงธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง” นายวีรวัฒน์ กล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงปี 2561-63 บริษัทมีรายได้จากการให้เช่าและบริการรับ เก็บ และจ่ายน้ำมันในปี 2561 จากคลังน้ำมันขอนแก่นเพียงแห่งเดียว จำนวน 161.97 ล้านบาท และต่อมาในปี 2562 มีรายได้ 176.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.19% และปี 2563 มีรายได้ 253.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.29% โดยช่วงปี 2562-63 รายได้ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการเปิดคลังศรีสะเกษในเดือนกรกฎาคม 2562 ขณะที่กำไรสุทธิในปี 2561-63 ทำได้ 75.42 ล้านบาท, 55.43 ล้านบาท และ 111.06 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 45.68%, 31.28% และ 43.76% ตามลำดับ โดยในปี 2563 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 100.37% เนื่องจากคลังน้ำมันศรีสะเกษเปิดให้บริการเต็มปี ประกอบกับต้นทุนทางการเงินที่ลดลงจากการชำระหนี้เงินกู้ระยะยาวต่อเนื่อง

ส่วนในงวด 9 เดือนแรก ปี 2564 บริษัทมีรายได้ 166.29 ล้านบาท ลดลง 11.13% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการลดลงตามยอดจำหน่ายน้ำมันในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีโรงงานบางส่วนหยุดการผลิต ทำให้การเดินทางโดยรถยนต์ลดลง ทำให้กำไรสุทธิงวด 9 เดือนแรกของปี 2564 อยู่ที่ 72.23 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 8.98% แต่อัตรากำไรสุทธิในงวด 9 เดือนแรกปี 2564 กลับปรับตัวดีขึ้นเป็น 43.33% เพิ่มขึ้น 0.98% จากงวด 9 เดือนของปี 2563 ซึ่งกำไรสุทธิชะลอตัวเนื่องจากรายได้จากการให้เช่าและบริการลดลง อย่างไรก็ดี บริษัทมีการควบคุมค่าใช้จ่ายในการบริหารและต้นทุนทางการเงินที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงทำให้อัตรากำไรสุทธิปรับตัวดีขึ้นจากงวด 9 เดือนแรกของปีก่อน

นายวรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า หลังจากที่ PTC ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบไฟลิ่ง) เพื่อขอเสนอหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ล่าสุด สำนักงาน ก.ล.ต. ได้เริ่มนับหนึ่งแบบไฟลิ่งแล้ว

สำหรับ PTC  มีทุนจดทะเบียน 205 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยมีทุนเรียกชำระแล้ว 150 ล้านบาท คิดเป็นหุ้นสามัญจำนวน 300 ล้านหุ้น และจะเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 110 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 26.83 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท โดยภายหลังการออกและเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไป ใช้ในการชำระคืนเงินกู้แก่สถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ

********

- Advertisement -