บล.คันทรี่ กรุ๊ป:

LH: กําไรรายไตรมาสจะแตะจุดสูงสุดใน 4Q21

คาดกำไรสุทธิ 4Q21 จะเป็นไตรมาสที่สูงสุดของปีที่ 1.95 พันล้านบาท (-17%YoY, +49%QoQ) หนุนจากส่วนแบ่งกำไรที่ฟื้นตัวขึ้น (HMPRO และ QH) และการรับรู้ยอดขายที่อยู่อาศัย

  • คาดว่าทิศทางกำไรจะฟื้นตัวขึ้นใน 4Q21 หนุนจากแนวราบใหม่ 5 โครงการใน 4Q21 (มูลค่ารวมท่ี 8.9 พันล้านบาท) และ backlog ท่ีแน่นอนแล้ว 6.5 พันล้านบาท ย่ิงกว่านั้น LH จะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจใน 4Q21 มากกว่าคู่แข่งอีกด้วย เพราะมีส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มแนวราบระดับสูง
  • คงมุมมองเชิงบวกต่อภาพรวมกําไรปี 2022 จากแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในเชิงรุกที่ 2.9 หมื่นล้านบาท (+46%YoY) และคาดว่าการรับรู้รายได้จากโครงการคอนโด “เดอะ คีย์ พระราม 3” มูลค่า 2 พันล้านบาทใน 2H22 จะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตของกำไรได้อีกแรง

คงคําแนะนํา “ซื้อ” ด้วยมูลค่าพื้นฐานใหม่ที่ 10 บาท (จาก 10.20 บาท) อิงวิธีรวมส่วนธุรกิจ (SOTP) คิดเป็น 12.4xPE’22E หรือตามค่าเฉลี่ย 5 ปี คําแนะนําดังกล่าวสะท้อนภาพรวมที่ดีขึ้นจากอุปสงค์อื่นมาก่อนหน้าที่จะคลายล็อกดาวน์

New Project to Support 2022 Earnings

  • LH มีแผนเปิดตัวแนวราบใหม่ 5 โครงการใน 4Q21 มูลค่ารวมที่ 8.9 พันล้านบาท ด้วยราคาขายเฉลี่ยที่ 7 ล้านบาท/ยูนิต ในจำนวนนี้จะแบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 4 โครงการมูลค่ารวมที่ 8.2 พันล้านบาท และทาวน์โฮมอีก 1 โครงการมูลค่า 700 ล้านบาท โดยโครงการเหล่านี้จะช่วยหนนุยอดขาย และการรับรู้รายได้ใน 4Q21 ขึ้น ซึ่งได้อานิสงส์มาจากการผ่อนปรนมาตรการอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV) บวกกับความชำนาญของบริษัท และจุดยืนที่แข็งแกร่งในกลุ่มแนวราบ
  • นอกจากนี้ยังมีคอนโดอีก 3โครงการ ที่จะรับรู้รายได้ในปี 2022 แบ่งเป็น 2 โครงการที่มีมูลค่ารวมที่ 980 ล้านบาท ที่เลื่อนเปิดตัวจากปีนี้ไปเป็นปี 2022 และอีกโครงการชื่อ “เดอะคีย์ พระราม3” มูลค่า 2 พันล้านบาท ที่มีแผนรับรู้รายได้ใน 2H22

คาดยอดขายโตทั้ง YoY และ QoQ

คาดว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของ LH ใน 4Q21 จะโตขึ้น YoY และ QoQ ทั้งในแง่ของยอดขาย และการรับรู้รายได้ เพราะมีมูลค่าการเปิดตัวโครงการใหม่สูงสุดของปีนี้ในช่วง 4Q21 ปัจจัยที่จะช่วยหนุนการเติบโตในเชิง YoY และ QoQ คือฐานการรับรู้รายได้ที่อยู่อาศัยที่ต่ำใน 4Q20 และการปิดแคมป์คนงานใน 3Q21 ส่วนการคลายล็อกดาวน์ จะหนุนให้ผู้เยี่ยมชมโครงการปรับดีขึ้นใน 4Q21

คาดมูลค่ายอดขายใน 4Q21 จะโตขึ้น YoY และ QoQ เป็น 7.8 พันล้านบาท (+47%YoY, +19%QoQ) จากยอดจองใน 4Q21 หลังมีการผ่อนปรนมาตรการ LTV ที่ช่วยกระตุ้นกลุ่มที่อยู่อาศัยราคาระดับกลางถึงบนได้

ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อธุรกิจอสังหาฯ โดยประเมินว่ารายได้การโอนในปี 2022 จะโตขึ้น 3.4%YoY มาอยู่ที่ 3.0 หมื่นล้านบาท ซึ่งเคยทำได้ในระดับนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2018 โดยจะมีแรงหนุนหลักๆมาจากกลุ่มบ้านเดี่ยว ซึ่งคิดเป็น 68% ของประมาณการรายได้ธุรกิจอสังหาฯ ทั้งหมดสำหรับปี 2022

พรีวิวผลประกอบการ

  • คาดกำไรสุทธิ 4Q21 ที่ 1.95 พันล้านบาท (-17%YoY, +49%QoQ)
  • ที่ลดลง YoY เป็นผลมาจาก 1) รายได้ที่ลดลงเล็กน้อย (-0.8% YoY เป็น 8.0 พันล้านบาท) จากกิจกรรมการ ก่อสร้างที่ลดลง และรายได้ค่าเช่าที่ลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์โควิด-19 และ 2) รายได้อื่นๆ ที่ลดลง (-87% YoY เป็น 72 ล้านบาท) เป็นผลมาจากการขาดหายไปของยอดขายสินทรัพย์การลงทุน
  • ส่วนการเติบโตในเชิง QoQ มีแรงหนุนมาจากรายได้ที่โตขึ้น (+16.5%QoQ) สืบเนื่องจากรายได้ที่อยู่อาศัยที่ ฟื้นตัวขึ้นจากการเปิดตัวแนวราบใหม่ 5 โครงการใน 4Q21 (มูลค่ารวมที่ 8.9 พันล้านบาท) และส่วนแบ่งกำไรจาก HMPRO และ QH ที่ฟื้นตัวขึ้นหลังคลายล็อกดาวน์

ปรับลดประมาณการกำไรปี 2022 ลง 5% เพื่อสะท้อนการขาดหายไปของยอดขายสินทรัพย์

ปรับลดประมาณการกำไรปี 2022 ลง 5% เพื่อสะท้อนถึง 1) การขาดหายไปของยอดขายสินทรัพย์การลงทุน ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน และ 2) ผลประกอบการในธุรกิจที่อยู่อาศัย และโรงแรมท่ีอ่อนแอลงจากสถานการณ์โอมิครอน ขณะที่มีสมมติฐานด้านอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่สูงขึ้นเป็น 31.6% หลังจากยอดขายอสังหาฯมีน้ำหนักต่อรายได้รวมมากขึ้น แต่ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2023 ขึ้น 12% เพราะคาดว่ารายได้จะโตขึ้น 17.4% จากคาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนจะกลับสู่ระดับก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19

Revenue Breakdown

บริษัทพัฒนาบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ และคอนโดมิเนียมในพื้นที่กรุงเทพฯ และจังหวัดใหญ่ๆ มีสินค้าหลากหลายช่วงราคาที่สอดรับกับความต้องการของลูกค้า โดยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์คิดเป็นสัดส่วน 92% ของรายได้รวมของบริษัท

ธุรกิจโรงแรมคิดเป็นสัดส่วน 3% ของรายได้รวมของบริษัท โดยมีการดาเนินธุรกิจโรงแรมภายใต้แบรนด์ Grande Centre Point

รายได้ค่าเช่าคิดเป็นสัดส่วน 4% ของรายได้รวมของบริษัท โดยทำการพัฒนาและดำเนินธุรกิจศูนย์การค้าและอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าเชิงพาณิชย์ภายใต้แบรนด์ Terminal 21

นอกจากนี้บริษัทยังมีรายได้จากค่าธรรมเนียมการจัดการจากกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 1% ของรายได้ทั้งหมด

- Advertisement -