UPA ฉายภาพธุรกิจปี 65 รุกขยายการลงทุนในพอร์ตทุกธุรกิจ ทั้งโรงไฟฟ้า อสังหาฯ คริปโตฯ เต็มรูปแบบ ระบุปีหน้าเป็นปีแห่งการเก็บเกี่ยวผลจากตอบแทนจากการลงทุน โดยเฉพาะธุรกิจโรงไฟฟ้า เดินหน้าขยายกำลังการผลิตเพิ่ม เน้นลงทุนประเทศในกลุ่ม CLMV พร้อมทยอยรับรู้รายได้และกำไรจากธุรกิจใหม่ มั่นใจดันผลงานเติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์

 

นายวิชญ์ สุวรรณศรี รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ UPA เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจในปี 2565 บริษัทพร้อมเดินขยายการลงทุนในทุกธุรกิจอย่างต่อเนื่องในทุกรูปแบบ ทั้งธุรกิจพลังงานในประเทศและต่างประเทศ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อเพิ่มโอกาสการเติบโตให้กับธุรกิจ เพิ่มรายได้และกำไรให้แข็งแกร่ง โดยในปีหน้าคาดว่าจะเห็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากการทยอยรับรู้รายได้จากผลตอบแทนในการลงทุนในโครงการต่างๆ ตลอดปีที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีการเตรียมความพร้อมในการรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต โดยได้ระดมทุนผ่านการเพิ่มทุนเสนอขายหุ้นให้กับผู้ถือหุ้นเดิม ซึ่งคาดว่าจะได้รับเงินเข้ามาเพิ่มสภาพคล่อง ประมาณ 900 ล้านบาทในช่วงไตรมาส 1/65 โดยจะนำมาลงทุนในการขยายโครงการที่มีอยู่แล้ว และโครงการลงทุนใหม่ในอนาคต ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสสร้างรายได้ และกำไรให้เพิ่มขึ้นช่วยผลักดันการเติบโตได้อย่างมั่นคง

สำหรับธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงการตรวจสอบการทำธุรกรรมที่ใช้คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency Mining) ใน สปป.ลาว คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในไตรมาส 1/65 โดยเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพ สามารถผลักดันให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

“ปัจจุบันภาพรวมของการดำเนินธุรกิจเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยในปี 2565 จะเห็นการเติบโตอย่างชัดเจน เพราะจะเป็นปีของการรับรู้ผลจากการลงทุนในช่วงที่ผ่านมา เช่น ธุรกิจโรงไฟฟ้าก็เติบโตไปได้ต่อเนื่อง ทยอยการรับรู้ตามกำลังการผลิตที่มีกว่า 60 เมกะวัตต์ และก็ยังมองหาการขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าในกลุ่มประเทศ CLMV มากขึ้น โดยประเมินว่า ยังมีความต้องการใช้ไฟฟ้าจำนวนมาก  ขณะที่มีตัวเร่งการเติบโตในธุรกิจใหม่ประเภทสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งจะเข้ามาสนับสนุนอย่างมีนัยสำคัญ เพราะเป็นธุรกิจที่มีความสามารถในการทำกำไรในระดับสูง จึงน่าจะช่วยผลักดันให้บริษัทเติบโต และทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้” นายวิชญ์ กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทได้ลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU) กับ Asia Investment And Financial Services Sole Company Limited (AIF)บริษัทที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายของ สปป.ลาว จัดตั้งและเข้าลงทุนในบริษัทร่วมทุน (Joint Venture) ใน สปป.ลาว เพื่อประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบการทำธุรกรรมที่ใช้คริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency Mining) ใน สปป.ลาว โดยบริษัทและ AIF จะมีสัดส่วนการลงทุนฝ่ายละ 50% ซึ่งคาดว่าคู่สัญญาแต่ละฝ่ายจะลงทุนขั้นต้นด้วยวงเงิน 120 ล้านบาท

***************

- Advertisement -