บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

RS ปี 65 กลับมาเด่นอีกครั้ง

Action

TRADING (Downgrade)

TP upside (downside) 4%

Close Dec 30, 2021 Price (THB) 21.70

12M Target (THB) 22.60

Previous Target (THB) 22.60

What’s new?

  • เราคาดผลประกอบการใน 4Q64 จะฟื้น QoQ แต่ยังคงลดลง YoY จากฐานสูง และต้นทุนท่ีเพิ่มขึ้น
  • ปี 2565 คาดฟื้นตัวเด่น หลัง COVID-19 คลี่คลาย การขยายตลาดสินค้า Mass Market
  • การรุกตลาด Token เรามองว่าช่วยต่อยอดธุรกิจ Entertainmerce ให้ครบวงจร
  • ธุรกิจกัญชง ถือเป็น New S-Curve ใหม่ธุรกิจ
  • มีแผนดันบริษัทร่วม Specialty Group และบริษัท เชฎฐ์ เอเชียเข้าจดทะเบียนใน SET

Our View

  • เราปรับคำแนะนำจาก “ซื้อ” เป็น “เก็งกำไร” เรามีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการท่ีผ่านจุดท่ีแย่สุดไปแล้ว ซึ่งในปี 2565 คาดว่าฟื้นตัวโดดเด่น อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นกว่า 20% ในรอบเดือน สะท้อนปัจจัยบวกไปพอสมควร
  • เราคงมูลค่าพื้นฐานปี 65 ท่ี 22.60 โดยวิธี DCF อิง WACC ท่ี 8%

คาดผลประกอบการใน 4Q64 ฟื้นตัว QoQ แต่ยังชะลอตัว YoY

เราคาดว่าผลประกอบการใน 4Q64 จะพลิกกลับมามีกำไรราว 50 ล้านบาท เทียบกับไตรมาสก่อนที่ขาดทุน 0.3 ล้านบาท ซึ่งสถานการณ์ Covid-19 เริ่มคลี่คลาย ซึ่งยอดขายสินค้าในกลุ่ม RS Mall จะกลับมาเติบโต ซึ่งคาดจะเริ่มเห็นรายได้จากกลุ่มสินค้าใหม่เข้ามามากขึ้น ส่วนธุรกิจทีวีดิจิทัลจะรับผลบวกจากเม็ดเงินโฆษณาที่ฟื้นตัว ขณะที่ธุรกิจใหม่ของบริษัทย่อย Chase (ธุรกิจสินเชื่อและบริหารสินทรัพย์) คาดจะรับรู้รายได้เพิ่มมากขึ้น เราคาดผลประกอบการยังชะลอตัว 42% YoY ด้วยฐานกำไรที่สูงปีก่อน กอปรกับปีนี้บริษัทมีต้นทุนการตลาดที่เพิ่มขึ้นจากผลิตภัณฑ์ใหม่ ภาพรวมปี 2564 เราคาดกำไรปรับลดลง 52% YoY เหลือ 253 ล้านบาท (ปรับลดประมาณการจากเดิม 15%)

ธุรกิจกัญชงเต็มตัว เป็น New S-Curve ใหม่

เรามองธุรกิจกัญชงจะเป็น New S-Curve ใหม่ของธุรกิจ ซึ่งมองว่าในปี 2565 จะเริ่มสร้างรายได้ให้กับบริษัทราว 700 ล้านบาท โดยบริษัทมีการรุกธุรกิจครบวงจรผ่านการลงทุนในบริษัทย่อย Specialty Group ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายสารสกัดต้นน้ำ กลางน้ำ ซึ่ง Specialty Group ได้ไลเซนส์ผู้ผลิตสารกัญชงแล้วสำหรับการผลิตเครื่องสำอางค์และอาหาร ซึ่งบริษัทมีแผนที่จะขายสินค้าตั้งแต่สกินแคร์ เครื่องดื่ม ไปจนถึงอาหารเสริม เรามองว่าธุรกิจกัญชงจะเป็น new S-Curve ใหม่ของธุรกิจ ซึ่ง RS ถือเป็นบริษัทกลุ่มแรกๆ ที่เข้ารุกธุรกิจ ซึ่งมีความได้เปรียบในด้านความแข็งแกร่งจากช่องทางจำหน่าย และฐานข้อมูลลูกค้าที่มีในมือกว่า 1.6 ล้านราย ซึ่งคาดว่าในช่วง 5 ปีแรกหลังปลดล็อค ตลาดกัญชงของประเทศไทยจะเติบโตก้าวกระโดดโดยมีมูลค่ากว่า 1.5 หมื่นล้านบาทภายใน 5 ปีข้างหน้า

การเข้าสู่ธุรกิจ Token ช่วยต่อยอดธุรกิจเดิมให้แข็งแกร่งขึ้น

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อแผนในการขยายธุรกิจใหม่ Popcoin Token ซึ่งถือเป็นตลาดที่กำลังเติบโต และเรามองว่ามีโอกาสต่อยอดธุรกิจเดิมของบริษัท โดยส่งผลบวกสามด้านคือ 1) สร้าง Eocosystem ที่แข็งแกร่งขึ้นจากการต่อยอดธุรกิจเดิม ทั้งธุรกิจ Commerce และ Media ขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ มากขึ้น 2) สร้างรายได้จากกการขายและ Popcoin เสริมธุรกิจ engagement เสริมแพคเกจสำหรับธุกิจสื่อออนไลน์ 3) Additional Value เนื่องจาก Popcoin มีการเทรดในตลาดรองจะได้รับค่าธรรมเนียมการเทรด

ปี 2565 กลับมาโดดเด่นอีกครั้ง

เราคงประมาณการกำไรปี 2565 ที่ 654 ล้านบาท ฟื้นตัวโดดเด่น +159% YoY เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 คาดว่าจะบรรเทาความรุนแรงลง ธุรกิจ RS Mall จะรับผลบวกเต็มปีจากการเปิดตัวสินค้าใหม่ และการเจาะตลาดสินค้าที่เป็น Mass เช่น ธุรกิจอาหารสัตว์ รวมถึงการรุกธุรกิจกัญชง ซึ่งบริษัทมีแผนในการออกสินค้าหลายรายการ ขณะที่ธุรกิจทีวีดิจิทัลจะรับผลบวกจากเม็ดเงินโฆษณาที่ฟื้นตัว คาดว่าผู้ประกอบการจะกลับมาใช้งบโฆษณามากขึ้น ขณะที่ RS มีแผนดันบริษัทร่วม Specialty Group และบริษัท เชฎฐ์ เอเชีย ที่บริษัทถือหุ้นอยู่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ คาดว่าจะมีความคืบหน้าในปี 2565

ปรับคําแนะนําเป็น “เก็งกำไร”

เราปรับลดคำแนะนำจาก “ซื้อ” เป็น “เก็งกำไร” แม้ว่าเรามีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการที่ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และกลับมาเติบโตโดดเด่นในปี 2565 อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นกว่า 20% ในรอบเดือน สะท้อนปัจจัยบวกไปพอสมควร เราคงมูลค่าพื้นฐานปี 2565 ที่ 22.60 บาท อิงวิธี DCF อิง WACC ที่ 8%

- Advertisement -