Daily View

การปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งของตลาดวานนี้ อาจสะท้อนได้ถึงนักลงทุนในภาพรวมมิได้กังวลกับ Omicron มากนัก ซึ่งอาจเกิดจาก (1) การเสียชีวิตจาก Omicron ค่อนข้างต่ำหากอิงการติดเชื้อ COVID-19 ทั่วโลกจะพบว่าได้ทำระดับ All time high ไปแล้ว (1.89 ล้านรายต่อวัน ) แต่หากพิจารณาผู้เสียชีวิตทั่วโลกมิได้ทำ All time high และยังแกว่งอยู่ระดับต่ำ 4-5 พันรายต่อวัน (2) หลายงานวิจัยเห็นตรงกันว่าการเข้ารักษาในโรงพยาบาลจาก Omicron นั้นต่ำกว่า DELTA (3) การติดเชื้อ COVID-19 ในแอฟฟริกาคล้ายกับว่าจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และการติดเชื้อได้กลับลงมาแกว่งในโซนล่างแล้ว อาจเป็นเครื่องมือยืนยันว่า Omicron ระบาดเร็ว แต่ก็จบลงเร็วเช่นกัน (4) สำหรับประเทศไทยอาจเผชิญระบาดจาก Omicron แต่ท่าทีจากรัฐบาลยังไม่เห็นท่าทีที่จะกลับมาเข้มงวดในเชิงมาตรการควบคุม ซึ่งทำให้กิจกรรมเศรษฐกิจยังเดินไปได้

ด้านผลประชุม OPEC+ เมื่อคืนที่ผ่านมา มีมติเพิ่มกำลังการผลิตเข้ามา 4 แสนบาร์เรล/วัน สอดคล้องกับที่ตลาดประเมินไว้ภายหลังจากทราบผลประชุมราคาน้ำมันดิบ BRT ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.3% มองเป็นบวกต่อกลุ่มน้ำมัน (PTTEP) ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐปิดผสมผสาน Dow Jones บวก 0.59% สวนทางกับ NASDAQ- 1.3% หลักๆแล้วนักลงทุนกังวลกับภาวะเงินเฟ้อ หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 2 และ 10 ปี ปรับตัวขึ้น โดยระยะอันใกล้น้ีติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐในวันศุกร์ Bloomberg ประเมินที่ 4.26 แสนตำแหน่ง หาก ไม่ร้อนแรงหรือต่ำกว่าคาด ตลาดอาจคลายกังวลกับเงินเฟ้อ

SET INDEX วันนี้ประเมินกลับมาเคลื่อนไหวในกรอบ 1665–1675 ชะลอตัวบ้าง หลังวานนี้ปรับขึ้นมาแข็งแกร่ง 0.76% ขณะที่เช้านี้ Nikkei ก็เริ่มชะลอตัวด้วยการแกว่งแคบ -0.08% เชิงกลยุทธ์การลงทุน หลังจากที่แนะสะสมมาตลอดในช่วงก่อนหน้านี้ แต่ปัจจุบันด้วยดัชนีที่เริ่มปรับขึ้นมาสูง และหุ้นหลายตัวก็ขึ้นมาสูง จึงต้องพิจารณามากขึ้น โดยเน้นหุ้นที่ยังปรับขึ้นน้อย แต่ยังชอบ Domestic เช่นเดิม อาทิ ค้าปลีก (BJC CPALL HMPRO) ธนาคารพาณิชย์ (BBL) ร้านอาหาร (M) โรงภาพยนตร์ (MAJOR) สื่อ (VGI) รถไฟฟ้า (BTSBEM)

Stock Pick

MEGA (ซื้อ/ราคาเป้าหมาย 56.00 บาท) เชื่อว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุดในเดือยพ.ย. สะท้อนอัตราการเติบโตที่ชะลอตัวลงไประดับนึงแล้ว มองเป็นโอกาสในการเข้าทยอยสะสม โดยคงคำแนะนำซื้อที่ราคาเป้าหมาย 56 บาท อิง 25xPE’22E

BCH (ถือ/ราคาเป้าหมาย 21.00 บาท) Trading ระยะสั้น จากตัวเลขติดเชื้อในประเทศกลับมาแตะ 3.9 พันรายสูงสุดในรอบเกือบ 1 เดือน ส่วนด้านพื้นฐานประเมินกำไร 4Q21 ที่ 1.5 พันล้านบาท (+430YoY) มีแรงหนุนจากรายได้ธุรกิจหลักที่แข็งแกร่งและจากวัคซีนทางเลือก พร้อมคาดว่ากำไรปี 2022-23 จะมีแรงหนุนมาจากการกลับมาของจำนวนคนไข้ทั่วไป รวมถึงผู้ประกันตนโครงการประกันสังคมที่มากขึ้นและบริการด้านวัคซีน

- Advertisement -