ตลาดกําลังเกิดการหมุนกลุ่ม (Rotation) ขณะผู้ติดเชื้อเริ่มเพิ่ม

ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯขยับขึ้น สะท้อนทั้งเงินเฟ้อและวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น

อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีสหรัฐฯปรับเพิ่มขึ้นจาก 1.49% ทดสอบ 1.65% ภายในเวลาเพียง 2 วันทำการ ซึ่งเราประเมินเป็นการสะท้อนถึงความเสี่ยงที่เงินเฟ้อจะยังทรงตัวในระดับสูงในช่วงต้นปี และในอีกมุมหนึ่งสะท้อนต่อวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น (Rate hike cycle) ที่มีโอกาสจะเริ่มขึ้น หลังสิ้นสุดมาตรการผ่อนคลายทางการเงินในช่วง เม.ย.-พ.ค.

ผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มทำให้เกิดการหมุนกลุ่มหุ้น (Rotation)

ผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มในทางการเงินส่งผลให้อัตราคิดลด (discounted rate) ที่ใช้ในการประเมินมูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้น ซึ่งจะกระทบมากต่อหุ้นที่ซื้อขายด้วย Valuation ที่พุ่ง หรือมูลค่าอิงกระแสเงินสดที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ขณะที่กระทบน้อยกว่ากับหุ้นที่ซื้อขายด้วย Valuation ที่ไม่สูงนัก หรือมีปันผลในระดับสูง ช่วยหักล้างความเสี่ยงของอัตราคิดลด ดังนั้นกระแสระวังหุ้นเติบโต (Growth) และเข้าลงทุนหุ้นคุณค่า (Value) จะเริ่มกลับมา ทำให้ระยะสั้นต้องระวังหุ้นแพง อาทิ เทคโนโลยี การแพทย์ ไฟฟ้า รวมถึงหุ้นอิเล็กทรอนิกส์ ขณะที่น่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นธนาคาร พลังงาน และหุ้นที่ผลตอบแทนปันผลสูง

สถานการณ์ผู้ติดเชื้อในประเทศเร่งตัวขึ้นชัดเจนเป็นวันแรก

ศูนย์ข้อมูล Covid-19 รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อ 5 ม.ค. 65 จำนวน 3,899 ราย เร่งตัวขึ้นอย่างชัดเจนจากระดับใกล้ 3,000 รายในช่วง 6 วันทำการที่ผ่านมา และเพิ่มจากระดับต่ำสุดที่ 2,459 ราย เป็นสัญญาณเริ่มต้นของการระบาดระลอกใหม่ที่กำลังเริ่มขึ้น นักลงทุนควรติดตามการเพิ่มของผู้ติดเชื้อที่มีการประเมินฉากทัศน์ (scenario) ของผู้ติดเชื้อสูงสุดอยู่ที่ 10,000-30,000 ราย ตลาดอาจมีแรงกดดันระยะสั้น แต่คาดจะฟื้นตัวดีเมื่อเห็นจำนวนการระบาดสูงสุดแล้ว ความผันผวนดังกล่าวคาดเปิดโอกาสลงทุนที่ดี

ธีมการลงทุนปี 2565

การฟื้นตัวเปลี่ยนจากการผลิตมายังภาคบริการ ซึ่งหนุนการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศ เป็นบวกต่อหุ้นธนาคาร อสังหาริมทรัพย์ สื่อสาร ค้าปลีก บันเทิง โดยมีหุ้นเด่น คือ KBANK, CPN, ADVANC, ONEE, WHA, BANPU, OR // หุ้นออกม้ามืด ที่เราชอบ ได้แก่ TKN, FSMART, RAM, SFT // ประเมินเป้าหมาย SET Index ที่ 1820 จุด อิง PER 18.5x และ EPS ปี 2565 ที่ 98.4 บาท/หุ้น ขณะที่ประเมินกรอบแนวต้านสำคัญของ SET ในช่วงไตรมาส 1/65 ที่ 1740 จุด อิง PER 18.5x และ EPS เฉลี่ยปี 64-65 ที่ 94 บาท/หุ้น

ภาพรวมกลยุทธ์: 

แกว่งตัวหลังผู้ติดเชื้อในประเทศเริ่มส่งสัญญาณการระบาดระลอกใหม่ อ่อนตัวทยอยสะสม เน้นหุ้นบริโภคในประเทศ / หุ้นที่มีแนวโน้มฟื้นตัวตามภาคการบริโภค / หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการปรับเพิ่มของผลตอบแทนพันธบัตร / และที่มีแนวโน้มได้ประโยชน์จากทิศทางเงินทุนไหลเข้า สำหรับผู้เก็งกำไร ไม่หลุด 1,640 จุด โมเมนตัมการเก็งกำไรไม่เปลี่ยนแปลง //

หุ้นแนะนำ: TU*, SUPER*, KBANK*, TIDLOR* แนวรับ: 1,650-1,660 / แนวต้าน: 1,680 จุด

สัดส่วน: เงินสด 50%: พอร์ตหุ้น 50%

ประเด็นการลงทุน

  • สหรัฐพบผู้ติดโควิดวันเดียวทะลุ 1 ล้านคน-ยอดผู้ติดเชื้อโควิด -19 ในสหรัฐในวันจันทร์ที่ 3 ม. ค. เพียงวันเดียวมีจำนวนมากกว่า 1 ล้านคน และถือเป็นสถิติผู้ติดเชื้อใหม่รายวันที่สูงที่สุดของโลก
  • ฝรั่งเศสพบสายพันธุ์ใหม่-สถาบัน Mediterranee Infection University Hospital Institute หรือ IHU ออกแถลงการณ์ระบุว่ามีการตรวจพบเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ซึ่งมีจำนวนตำแหน่งการกลายพันธุ์มากกว่าสายพันธุ์โอมิครอน
  • โอเปกพลัสยึดมั่นข้อตกลงการผลิต-โอเปกพลัสมีมติยึดมั่นตามข้อตกลงเดิมในการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพียง 400,000 บาร์เรล/วันในเดือนก.พ. จนถึงเดือน เม.ย. 2565
  • อนุมัติงบปี 66 วงเงิน 3.18 ล้านล้านบาท-ครม. เห็นชอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 66 วงเงิน 3.185 ล้านล้านบาท ขาดดุล 6.95 แสนล้านบาท รับมาตรการรัฐและฟื้นศก.

ประเด็นติดตาม:-20 ม.ค. -ผลประกอบการกลุ่มธนาคาร / 26 ม.ค. -Fed meeting

ประเด็นลงทุนสําหรับหุ้นแนะนำ

  • เก็งกำไร TU* (25): ได้ประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของราคาเนื้อสัตว์ บวกต่อทูน่าที่เป็นสินค้าทดแทน ตัดขาดทุน 19 บาท
  • เก็งกำไร SUPER* (1.05): ผลประกอบการอยู่ในทิศทางฟื้นตัว จากการรับรู้กำลังการผลิตใหม่ต่อเนื่อง ตัดขาดทุน 0.92 บาท
  • เก็งกำไร KBANK* (153): ได้ประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของผลตอบแทนพันธบัตร และผลประกอบการไตรมาส 1/65 ที่ฟื้นตัวตัด ขาดทุน 138 บาท
  • เก็งกำไร TIDLOR* (41): ผลการดำเนินงานคาดฟื้นต่อเนื่อง ตัดขาดทุน 35.50 บาท

(* หมายถึงหุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)

Market News & Factors

ตลาดหุ้นสหรัฐ

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทำนิวไฮติดต่อกันวันที่ 2 ในวันอังคาร (4 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเดินหน้าซื้อหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ เช่น หุ้นกลุ่มสายการบิน และกลุ่มอุตสาหกรรม ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นตามทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตร ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง (อินโฟเควสท์)

ตลาดหุ้นยุโรป

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันอังคาร (4 ม.ค.) นำโดยหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มเดินทาง ที่อ่อนไหวต่อเศรษฐกิจท่ามกลางสัญญาณบ่งชี้ว่าไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนอาจจะมีความรุนแรงน้อยกว่าที่วิตกกัน (อินโฟเควสท์)

ตลาดหุ้นญี่ปุ่น

ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียว (4 ม.ค.) ปิดปรับตัวขึ้น ซึ่งเป็นวันซื้อขายวันแรกของปี 2565 โดยได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 ปี เมื่อเทียบกับเงินเยน ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มที่ต้องพึ่งพาการส่งออก (อินโฟเควสท์)

ตลาดน้ำมัน

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WII) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นใกล้แตะระดับ 77 ดอลลาร์ในวันอังคาร (4 ม.ค.) ขานรับกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตรหรือโอเปกพลัสมีมติยึดมั่นตามข้อตกลงเดิมในการประชุมนโยบายการผลิต ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวานนี้ (อินโฟเควสท์)

สหรัฐพบผู้ติดโควิดวันเดียวทะลุ 1 ล้านคน

ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐในวันจันทร์ที่ 3 ม.ค. เพียงวันเดียวมีจำนวนมากกว่า 1 ล้านคน และถือเป็นสถิติผู้ติดเชื้อใหม่รายวันที่สูงที่สุดของโลก

โอเปกพลัสยึดมั่นข้อตกลงการผลิต

โอเปกพลัสมีมติยึดมั่นตามข้อตกลงเดิมในการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพียง 400,000 บาร์เรล/วัน ในเดือนก.พ. จนถึงเดือนเม.ย. 2565

อนุมัติงบปี 66 วงเงิน 3.18 ล้านล้านบาท

ครม. เห็นชอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 66 วงเงิน 3.185 ล้านล้านบาท ขาดดุล 6.95 แสนล้านบาท รับมาตรการรัฐและฟื้นศก.

Report & Corporate News

ADVANC Maintained BUY TP: 244.00 บาท

เราคาดว่ากำไรสุทธิ 4Q21 อยู่ที่ 6.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย qoq สาเหตุหลักมาจากรายได้ค่าบริการที่สูงขึ้น จากภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ซึ่งจะชดเชย opex และค่าใช้จ่าย SG&A ที่สูงขึ้น เราคาดว่ากำไรจะเติบโตเป็นบวกในสองถึงสามไตรมาสข้างหน้า จากภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และแนวการแข่งขันที่ดีขึ้นเช่นกัน เนื่องจาก ARPU โดยรวมที่สูงขึ้น ทำให้จำนวนสมาชิก 5G สูงขึ้น คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 244.00 บาท

EPG

EPG พุ่ง 6.25% รับข่าวดี โบรกฯ คาดงวดไตรมาส 3 ปี 64/65 (ต.ค. -ธ.ค. 64) กำไรสวย 443 ล้านบาท โต 8% จากไตรมาสก่อน ดันทั้งปี 64-65 มีกำไรนิวไฮ 1,652 ล้านบาท พุ่ง 36% พร้อมเชียร์ซื้อราคาเป้าหมาย 15 บาท (ข่าวหุ้น)

TU

ไทยยูเนี่ยนกรุ๊ปหรือ TU ประกาศจัดตั้ง บริษัท i-Tail Americas, Inc. ขึ้นในสหรัฐอเมริกา ด้วยทุนจดทะเบียน 5 ล้านเหรียญฯ หรือกว่า 167 ล้านบาท หวังปรับทัพการลงทุนธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง รองรับการเติบโตทั่วโลก พร้อมเล็งซื้อ USPN ธุรกิจขายและกระจายสินค้าในส่วนธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงในสหรัฐอเมริกา (ข่าวหุ้น)

JMART / BTS / GUNKUL

กลุ่มเจมาร์ท (JMART) ปีนี้งานแน่น ประเมินรายได้โตทุกธุรกิจ รองรับพันธมิตร BTS และ GUNKUL หนุนต่อยอดการขายสินค้าและบริการรูปแบบใหม่ พร้อมฐานลูกค้าโตก้าวกระโดด โบรกฯ ประเมินกำไรสุทธิปี 65 ของ JMART ที่ 1.96 พันล้านบาท โต 54% ส่วนกำไรสุทธิปี 66 ที่ 2.6 พันล้านบาท โต 32% ราคาเป้าหมาย 62 บาท (ข่าวหุ้น)

SCB / BBL / TTB

โบรกฯ ชี้งบแบงก์ไตรมาส 4/64 หรู กำไรสุทธิ 4.27 หมื่นล้านบาท โต 43.17% ชู SCB-BBL-TTB โดดเด่นสุด รับเศรษฐกิจฟื้นตัว คาดไทยพาณิชย์ Q4 กำไรโต 86.5% ราคาเป้าหมาย 165 บาท แบงก์กรุงเทพโต 222.4% เป้า 174 บาท และทหารไทยธนชาตกำไรโต 125.6% เป้าหมาย 1.51 บาท (ข่าวหุ้น)

LEO

โบรกอัพเป้าหมายใหม่ LEO ที่ 20 บาท หลังค่าระวางทำสถิติสูงสุดใหม่ พร้อมมีลุ้นดีล M&A ในช่วงกลางเดือนมกราคมนี้ ปรับกำไรปี 65 ขึ้น 15% แตะ 213 ล้านบาท คาดรับรู้รายได้ขนส่งร่วมกับไชน่าโพสที่ 100 ล้านบาท แนะนำ “ซื้อ” (ทันหุ้น)

GFPT

GFPT รับอานิสงส์ราคาไก่เร่งตัวต่อเนื่อง คาดความต้องการช่วงตรุษจีนบวกกับจีนเป็นเจ้าภาพกีฬาระดับโลก 2 รายการหนุนดีมานด์การบริโภคทั้งในประเทศ-ต่างประเทศเพิ่มขึ้น ขณะที่ยังควบคุมต้นทุนอาหารสัตว์ได้ดี พร้อมเร่งสร้างโรงงานใหม่อัพการผลิตเพิ่ม 4.5 แสนตัวต่อวัน คาดเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ไตรมาส 1/2565 นี้ (ทันหุ้น)

EASTW

EASTW เตรียมลยโปรเจ็กต์ยักษ์ใน EEC เปิดตัวอย่างเป็นทางการปลายเดือนนี้ ลงทุน 2-3 พันล้านบาท หนุนรายได้เติบโตต่อเนื่องปี 65 รายได้ดีต่อเนื่อง ส่งให้ลูกค้า GULF และ AMATA พร้อมเจรจาลูกค้าใหม่อีกกว่า 7-8 ราย เผยโอกาส EEC ยังโตต่อเนื่อง โบรกชี้ภาพรวมด้านปัจจัยพื้นฐานยังเห็นการเติบโตของกำไรอย่างค่อยเป็นค่อยไปได้ในช่วง 1-3 ปีข้างหน้า อีกทั้งมีความโดดเด่นด้านการจ่ายปันผลสม่ำเสมอ ซึ่งคาดจะให้ Dividend Yield กว่า 4% ต่อปี ราคาเป้าหมาย 12.30 บาท (ทันหุ้น)

- Advertisement -