บล.คันทรี่ กรุ๊ป:
MEGA: คาดเติบโตช้าลงในปี 2022
คงคำแนะนำ “ซื้อ” เพิ่มมูลค่าพื้นฐานขึ้น 8% เป็น 56 บาท หลังปรับฐาน คิดเป็นอัตราคิดลด 15% ต่อค่าเฉลี่ยกลุ่มการแพทย์ไทย
- คาดอัตราการเติบโตของรายได้จะชะลอลงมาอยู่ที่ 4%YoY ในปี 2022 จากการคลายความกังวลของลูกค้าต่อ สถานการณ์โควิด-19 และจากฐานสูง
- ประเมินรายได้ช่วงปี 2023-25 จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ท่ี 9% ใกล้เคียงกลุ่มอาหารเสริมใน ตลาดโลกที่ Grand View Research ประเมินไว้ท่ี CAGR 8.6% ในช่วงปี 2021-28 อัตราการเติบโตดังกล่าวหนุนจากกลยุทธ์การขยายตลาดในกลุ่มตลาดเกิดใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการแข่งขันต่ำเมื่อเทียบตลาดประเทศพัฒนาแล้ว
- ราคาหุ้นที่ลดลง 13% จากยอดสูงในวันท่ี 22 พ.ย. 2021 สะท้อนคาดการณ์ว่าการเติบโตของกำไรจะช้าลงในปี 2022 ไปแล้ว จึงถือเป็นโอกาสในการเข้าสะสมสำหรับการลงทุนระยะยาว
คาดเติบโตช้าลงในปี 2022
ประเมินรายได้โตเป็น 1.48 หมื่นล้านบาท (+17%YoY) ในปี 2021 จากกระแสการดูแลสุขภาพหลังเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19
แต่คาดว่าอัตราการเติบโตของรายได้จะชะลอตัวลงมาอยู่ที่ 4%YoY ในปี 2022 จากการคลายความกังวลของลูกค้าต่อสถานการณ์โควิด-19 และจากฐานสูง
ประเมินรายได้ช่วงปี 2023-25 จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 9% ใกล้เคียงกลุ่มอาหารเสริมในตลาดโลกที่ Grand View Research ประเมินไว้ที่ CAGR 8.6% ในช่วงปี 2021-28 อัตราการเติบโตดังกล่าวหนุนจากกลยุทธ์การขยายตลาดในกลุ่มตลาดเกิดใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการแข่งขันต่ำเมื่อเทียบตลาดประเทศพัฒนาแล้ว
ปรับเพิ่มกำไรปี 2021-22 ขึ้น 17% และ 8%
ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2021-22 ขึ้น เพื่อสะท้อนอุปสงค์ท่ีแข็งแกร่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพ
ปรับสมมติฐานยอดขายสำหรับปี 2021 ขึ้น 5% และปี 2022 ขึ้น 2% เพื่อสะท้อนรายได้ที่โตมากกว่าคาด
ปรับเพิ่มสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ปี 2021 ขึ้น 150bps และปี 2022 ขึ้น 90bps เพื่อสะท้อนส่วนแบ่งรายได้ที่สูงขึ้นจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ท่ีมีอัตรากำไรสูงอย่าง Mega We Care
สรุปผลประกอบการ
- กำไรสุทธิ 3Q21 อยู่ที่ 613 ล้านบาท (+79%YoY, +22%QoQ) แตะจุดสูงเป็นประวัติการณ์
- การเติบโตขึ้น YoY และ QoQ ใน 3Q21 มีแรงผลักมาจากรายได้ที่แตะจุดสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 4 พันล้านบาท (+18%YoY, +11%QoQ) และ GPM ที่เพิ่มเป็น 43.3% รายได้ที่แตะจุดสูงเป็นผลจากสัดส่วนที่สูงขึ้นของผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรสูง
- GPM ใน 3Q21 เพิ่มเป็น 43.3% จาก 38.4% ใน 3Q20 ด้วยแรงหนนุจากส่วนแบ่งรายได้ที่สูงขึ้นของผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรสูง (Mega We Care)
- ยอดขาย 3Q21 พุ่งสูงขึ้น 18%YoY จาก:
1) ยอดขายของ Mega We Care ที่โตขึ้น +39%YoY และคิดเป็น 51% ของรายได้ทั้งหมด โดยมีแรงหนุนมาจากทุกภูมิภาค โดยเฉพาะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (+44%YoY) และส่วนแบ่งรายได้จากฟิลิปปินส์ หลังมีการปรับโครงสร้างธรุกิจ
2) ยอดขาย Maxxcare ทรงตัว YoY ที่ 1.9 พันล้านบาท และคิดเป็น 47% ของรายได้ทั้งหมด
Revenue Breakdown
ธุรกิจของ MEGA สามารถแบ่งเป็น 3 ประเภท ดังนี้
- แบรนด์ผลิตภัณฑ์ Mega We Care (46% ของยอดขายทั้งหมดในปี 2020) ดำเนินการผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ด้วยสถานะผู้นำในตลาดอินโดจีน
- Maxxcare (52%) ธุรกิจจัดจำหน่ายที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่ในเมียนมา เวียดนาม และกัมพูชา และ
- ธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM) (2%) ด้วยสถานะ OEM ด้านแคปซูลนิ่มรายใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
หากแบ่งธุรกิจ Mega We Care ออกเป็นตามพื้นที่จะได้ภาพ ดังนี้
- สัดส่วนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ 77% ของยอดขายทั้งหมดในปี 2020 และ
- แอฟริกาที่ 12%
ขณะที่ธุรกิจ Maxxcare จะเน้นตลาดเมียนมา เวียดนาม และกัมพูชา เป็นหลัก