Daily Focus 2022 SET Target : 1770

Hold Let Profit Run//Selective Buy

ตลาดหุ้นวานนี้:

SET Index ยังปรับตัวขึ้นต่อเนื่องอีก +6.51 จุด ณ สิ้นวัน นำโดยกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะโรงกลั่นที่ฟื้นแรงจากค่าการกลั่นที่สูง รวมถึงกลุ่มปิโตรเคมีจากตลาดที่มองว่าผลกระทบจากโอมิครอนที่ไม่รุนแรง สถาบันในประเทศยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นอีก 1.2 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่องอีก 3.3 พันลบ. (และ Long Index Futures 1.3 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้:

เราคาด SET Index จะพักตัวลงหากรอบ 1,665-1,670 จุด ตามบรรยากาศการลงทุนที่ค่อนข้างเป็นลบ หลังรายงานการประชุม FED ระบุว่าอาจเห็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยที่เร็วกว่าคาด รวมถึงเจ้าหน้าที่เห็นว่าเหมาะสมที่จะเริ่มลดขนาดงบดุล หลังจากมีการเริ่มขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลให้เกิดแรงเทขาย โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งเป็นกลุ่มที่มี PER สูง อย่างไรก็ตาม กลุ่มพลังงานคาดยังประคองตลาดจากราคาน้ำมันดิบที่ยังคงไต่ระดับขึ้น ส่วนสถานการณ์โอมิครอนในประเทศ ภาครัฐประกาศเข้าสู่การระบาดระลอก 5 แต่คาดมาตรการควบคุมจะไม่เข้มถึงขึ้น Lockdown เหมือนช่วงกลางปีก่อน กลยุทธ์จึงรอจังหวะปรับฐานลงใกล้ 1,600 จุดในการสะสมหุ้นเพิ่ม ส่วนระยะสั้นเน้นเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และกลุ่ม Value Play มี PER ไม่สูง

กลยุทธ์: เลือกลงทุนโดยเน้นหุ้น Value และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว

หุ้นเด่นเดือน ม.ค. : CK, EA, HMPRO, KBANK, ORI

หุ้นเด่นวันนี้: TU

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 30 บาท
  • กำไร 4Q21 ดูดีกว่าที่เคยคาดอาจ Flat Q-Q ได้ทั้งที่เป็น Low Season และต้นทุนยังสูงขึ้นทั้งวัตถุดิบและค่าขนส่ง แต่ชดเชยได้ด้วยการเริ่มปรับขึ้นราคากับลูกค้าซึ่งปรับขึ้นทั้งอุตสาหกรรม จึงไม่กระทบต่อการแข่งขัน
  • เรายังคาดกําไรสุทธิปี 2021-2022 +19% Y-Y และ +3% Y-Y นอกจากนี้ยังมี Catalyst จากการ Spin-Off ธุรกิจ Pet Care เพื่อปลดล็อก Value แฝง
  • •แนวรับ 20-19.80 บาทแนวต้าน 20.50 // 21 บาท

Fund Flow: วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลเข้าภูมิภาคอีก US$ 742 ล้าน นำโดยเกาหลีใต้และไต้หวัน US$ 322 ล้าน และ US$ 278 ล้าน ส่วนอาเซียนไหลเข้านำโดยไทย US$ 98 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนวันนี้มีโอกาสพลิกมาไหลออกจากแรงขายสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะหุ้นหลังรายงานการประชุม FED ระบุว่าอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด รวมถึงการเริ่มปรับลดขนาดงบดุล

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) ADVANC คาดกำไรปกติ 4Q21 -5% Q-Q, -3% Y-Y แม้รายได้คาดว่าทรงตัว Q-Q แต่ฝั่งต้นทุนปรับตัวขึ้น ทั้งค่าใช้จ่ายโครงข่ายจากการลงทุน 5G Disney+ และค่าใช้จ่ายการตลาด ทำให้กำไรปกติปี 2021 คาด -3% Y-Y อย่างไรก็ตาม แนวโน้มปี 2022 คาดว่าจะฟื้นตัวดีตามเศรษฐกิจ รวมถึงผลบวกกรณี DTAC-TRUE สามารถควบรวมได้ ซึ่งจะทำให้การแข่งขันด้านราคาต่ำลง เราปรับประมาณการกำไรปี 2022-2023 ขึ้นเป็นโตปีละ +11% Y-Y และปรับเพิ่มราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 260 บาท แนะนำ “ซื้อ” เป็น Top Pick ของกลุ่มฯ (Source: FSSIA)

(-) M เตรียมปรับขึ้นราคาอาหารราว 2%-3% เพื่อลดผลกระทบจากราคาหมูปรับขึ้น +20% ส่วนเป็ดขึ้นน้อยกว่า +5% เริ่มมีผล 1Q22 เป็นต้นไป ต้นทุนหลักคือเป็ดและหมูสัดส่วน 15% และ 10% ของต้นทุนทั้งหมด หากไม่ปรับขึ้นราคาจะกระทบอัตรากำไรขั้นต้น 80 bps กำไรจะลดลง 5% และกระทบราคาเป้าหมาย 3 บาท เชื่อว่าผลกระทบจะน้อยกว่าที่ประเมิน เพราะมีการปรับขึ้นราคาทันทีใน 1Q22 และอาจพิจารณาปรับเพิ่มอีกครั้งใน 2H22 ยังคงราคาเป้าหมายที่ 62 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(0) FSMART คาดกำไร 4Q21 ฟื้นตัวช้ากว่าที่ประเมินทั้งตู้บุญเติมหลังเพิ่งคลาย Lockdown เต็มที่เดือน พ.ย. 21 ส่วนการเพิ่มตู้เต่าบินช้ากว่าแผนจบปี 2021 ได้ราว 600 ตู้ (เป้า 1,000 ตู่) เราคาดกำไรปี 2021 -7% Y-Y แนวโน้มกำไรปี 2022 ฟื้นตัวจากธุรกิจตู้บุญเติม แต่ตู้กาแฟชงสดเต่าบินซึ่งเป็น S-Curve ช้ากว่าแผน โดยคาดขยายเพิ่มเป็น 6,000 ตู้ จากเดิมคาด 9,000 ตู้ จากปัญหาขาดแคลนชิปและอะไหล่บางส่วน ส่งผลให้เราปรับลดกำไรปี 2022 ลงเหลือ +3% Y-Y การเติบโตจะเร่งตัวอีกครั้งในปี 2023-2025 ที่คาด +33% CAGR เราปรับลดราคาเป้าหมายลงเหลือ 12.5 บาท ลดคำแนะนำลงเป็น “ถือ”

(-) ตลาดดาวโจนส์ลดลง 392.54 จุด หรือ 1.07% ปิดที่ 36,407.11 จุด เนื่องจากมีรายงานการประชุมเดือน ธ.ค. ของเฟดระบุว่า เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด หลังตลาดแรงงานของสหรัฐอยู่ในภาวะตึงตัวอย่างมาก ขณะที่ติดตามการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือน ธ.ค. ในวันศุกร์นี้ เวลา 20.30 น. ตามเวลาไทย ท่ามกลางนักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 422,000 ตำแหน่งในเดือน ธ.ค. และอัตราว่างงานลดลงเป็น 4.1%

(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกหนุนจากหุ้นกลุ่มรถยนต์ ท่ามกลางคาดการณ์ว่าการผลิตฟื้นตัวจากภาวะขาดแคลนชิป และยอดขายรถยนต์มีแนวโน้มปรับขึ้นดี

(-) ตลาดเอเชียปรับลงตามทิศทางตลาดดาวโจนส์ กดดันจากความกังวลเกี่ยวกับเฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด

(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 33.27 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 86 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 77.85 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง EIA เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 2.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 6

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 10.5 ดอลลาร์ หรือ 0.58% ปิดที่ 1,825.1 ดอลลาร์/ออนซ์ จากแรงซื้อสินทรัพย์ที่ปลอดภัย รวมถึงการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 979.99 / -0.32

- Advertisement -