บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง:

JMT Network Services (JMT) ยืนหนึ่งและยืนยาว

TP Revision

ประเด็นการลงทุน

ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นโดดเด่น +125% ในปีที่ผ่านมา พร้อมกับกำไรที่ทำจุดสูงสุดใหม่ (ATH) ได้แม้เจอ Lockdown ใน 3Q64 สะท้อนถึงความสามารถของบริษัทที่ปรับตัวได้ดีในช่วงวิกฤต ภาพดังกล่าวจะยังดำเนินต่อในปี 2565 ทั้งการเติบโตของกำไรที่สูงสุดในกลุ่ม ขณะการร่วมลงทุนแบบ JV กับธนาคารพาณิชย์ระดับ Top3 เป็นจุดเริ่มต้นที่ JMT จะทิ้งห่างจากผู้เล่นรายอื่นเพื่อขึ้นเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม และรักษาการเติบโตของกำไรไม่น้อยกว่า 40% ต่อปี

ผ่านปีที่ดี … สู่ปีที่ดีกว่า

ภาพในปี 2564 จะส่งท้ายด้วยกำไรงวด 4Q64 ที่คาดทำสถิติสูงสุดใหม่เท่ากับ 505 ลบ. +44% QoQ, +53% YoY มาจากยอดเก็บเงินสด 1,400 ลบ. +13% QoQ, +41% YoY ตามกิจกรรมเศรษฐกิจที่กลับมาฟื้นตัว และเงินลงทุนพอร์ตหนี้ที่เติบโตขึ้น 61% YoY มาร์จิ้นที่สูงขึ้นจากกองหนี้ที่ไม่มีต้นทุน ทำให้ภาพรวมในปี 61 เติบโต +39% YoY ขณะผู้บริหารได้แถลงถึงเป้าหมายในปี 2565 ที่กำไรจะเติบโตไม่น้อยกว่า +45% YoY ยอดเก็บเงินสดไม่ต่ำกว่า 5 พันลบ. +10% YoY เพิ่มขึ้นตามขนาดพอร์ตฯ ที่วางงบลงทุน 1 หมื่นลบ. +38% YoY ด้วยความพร้อมที่มากขึ้นหลังการเพิ่มทุน (RO) ทำให้ D/E ลดลงต่ำกว่า 1 เท่า เพื่อเตรียมรับปริมาณหน SML-NPL ในระบบ 1.5 ล้านล้านบาท ที่คาดออกประมูลไม่ต่ำกว่า 1-2 แสนลบ.

JMT x KBANK เป็นทั้งบทพิสูจน์และการยกระดับ

ปลายปีที่ผ่านมา บริษัทประกาศร่วมลงทุนใน JV ภายใต้ KBANK เพื่อดำเนินธุรกิจติดตาม-บริหารหนี้ เรามองเป็นบวกต่อดีลนี้เพราะ i) เป็นการยืนยันว่าธนาคารพาณิชย์จะไม่ลงมาแข่งขันในธุรกิจบริหารหนี้ฯ โดยตรง ii) JMT มีความได้เปรียบคู่แข่งสูงขึ้นในการเข้าถึงอุปทาน NPLs iii) ด้วยโครงสร้างแบบ win-win และไม่มีข้อจำกัด (Exclusive) จึงมีโอกาสที่ธนาคารอื่นจะมาเจรจาในลักษณะที่คล้ายกัน ทั้งนี้ JV ข้างต้น คาดจะเริ่มเห็นการโอนหนี้เข้ามาภายใน 2Q65 ก่อนเริ่มรับรู้รายได้-กำไรในครึ่งปีหลังทันที ซึ่งเป็น Upside ของกำไรที่นอกเหนือประมาณการของเราและตลาด (สมมติฐานมูลค่าพอร์ตหนี้เบื้องต้น 10,000 ลบ. JV จะสร้างกำไรราว 300-400 ลบ./ปี คิดเป็น Upside ต่อ JMT 7-10% บนสัดส่วนการถือหุ้น 50%)

คงคำแนะนำ ซื้อ ปรับราคาเหมาะสมขึ้นเป็น 80.00 บาท

โมเมนตัมกำไรที่เดินทำสถิติใหม่ 5 ไตรมาสติด (4Q64-4Q65) และโอกาสถูกเข้าคำนวณในดัชนี SET50 ช่วงกลางปีจะเป็นปัจจัยสนับสนุนใน 3-6 เดือนจากนี้ เราปรับราคาเหมาะสม 2565 ขึ้นเป็น 80.00 บ./หุ้น จากการปรับ P/E จาก 35 เป็น 45 เท่า สมควรที่จะมี premium ในแง่ความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้นในระยะยาว และกำไรสุทธิในปี 2565 ที่เติบโต 65% YoY สูงกว่าค่าเฉลี่ย 44% ในสามปีข้างหน้า ทำให้กำไรต่อหุ้น (EPS) ยังมีทิศทางเติบโต +35% YoY แม้เผชิญผล Dilution effect ในช่วงสั้น ก่อนที่ P/E เหลือเพียง 30 เท่าในปี 2566

- Advertisement -