สรุปภาวะตลาด

วันจันทร์ที่ผ่านมา ดัชนีแกว่งตัวไซด์เวย์ -3 ถึง +6 จุด ยังมีความกังวลตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่อยู่ในระดับสูง มีแรงซื้อเข้ามามากในหุ้นบางกลุ่ม เช่น กลุ่มหลักทรัพย์ โดย FSS +29.82%, TNITY +29.57%, UOBKH +27.68% และหุ้นขนาดกลาง-เล็ก ปรับตัวข้ึนได้ดีกว่าตลาด ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,657.06 จุด -0.56 จุด -0.03% มูลค่าการซื้อขาย 79,545 ลบ. ต่างชาติ +1,370.99 ลบ. TFEX +6,256 สัญญา ตราสารหน้ี +6,145.36 ลบ.

ปัจจัยบวก

+ สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่ง +1.4%MoM ในเดือนพ.ย. สูงกว่าคาดที่ 1.2% หลังจากพุ่งขึ้น 2.5% ในเดือนต.ค.

+ ธปท.ประเมินผลกระทบของโควิดโอมิครอนจะอยู่แค่ในช่วง 1H65 เท่าน้ัน ถ้าระบาดแค่ครึ่งปีแรก รัฐไม่ล็อกดาวน์ กระทบเศรษฐกิจไม่มาก และเศรษฐกิจไทยจะทยอยปรับฟื้นตัวข้ึนต่อเนื่อง คาด GDP ปี 65 ท่ี 3.4% และกลับเข้าสู่ระดับก่อนโควิดต้นปี 66

+ คมนาคมเตรียมของบลงทุนปี 66 ด้านคมนาคม โลจิสติกส์ของประเทศวงเงิน 3.2 แสนล้านบาท เดินหน้าโครงการบก-น้ำ-ราง-อากาศ เล็งเสนอสำนักงบฯ พิจารณาวันที่ 14 ม.ค.น้ี

+/- ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 7,133 ราย ไม่รวม ATK อีก 1,545 ราย เสียชีวิต 12 ราย รักษาหาย 3,306 ราย

ปัจจัยลบ

– ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 162.79 จุด -0.45% กังวลการพุ่งข้ึน ของอัตราเงินเฟ้อจะส่งผลให้เฟดเร่งการปรับข้ึนอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนบวก เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในช่วงท้ายตลาด

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 67 เซนต์ -0.9% ปิดท่ี 78.23 ดอลลาร์/บาร์เรล กังวลการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธ์ุโอมิครอนจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน แต่สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงไม่มากนักจากความไม่สงบในคาซัคสถานซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่มโอเปกพลัส และรายงานการผลิตน้ำมันที่ลดลงในประเทศลิเบีย

– สหรัฐรายงานจำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 ท่ีต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาลแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์จากการพุ่งขึ้นของผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน ทำให้ระบบสาธารณสุขตึงตัวในหลายรัฐ

– นักวิเคราะห์คาดการณ์วันพุธนี้ สหรัฐจะรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 7.1%YoY ในเดือนธ.ค.จากระดับ 6.8% ในเดือนพ.ย.กดดัน FED ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

– จีนพบผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน 2 รายในเมืองเทียนจิน เป็นการพบผู้ติดเชื้อโอมิครอนครั้งแรกในประเทศจีน ส่งผลให้เมืองเทียนจินส่ังระดมการตรวจเชื้อขนานใหญ่

– IMF เปิดเผยว่า กลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ต้องเตรียมตัวรับมือ FED ปรับข้ึนอัตราดอกเบี้ยท่ีเร็วกว่าคาด ซึ่งอาจจุดชนวนให้เกิดการไหลออกของเงินทุน และการอ่อนค่าของสกุลเงินต่างประเทศ

-รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยว่าเกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธน้าวิถีในวันนี้ ตกลงในทะเลนอกเขตเศรษฐกิจจำเพาะของญี่ปุ่นโดยยังไม่มีรายงานความเสียหาย

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสปรับตัวลงตามทิศทางตลาดต่างประเทศ จากความกังวลที่ว่าการพุ่งข้ึนของอัตราเงินเฟ้อจะส่งผลให้เฟดเร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ประกอบกับถูกกดดันจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นทะลุ 1.8% มองกรอบดัชนีในวันน้ีที่ 1,645-1,665 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

  • ได้ประโยชน์จากโครงการ ‘ช้อปดีมีคืน’ : COM7 SYNEX CPW SPVI SVOA JMART IT
  • ราคาหมู-ไก่ ปรับตัวสูงขึ้น CPF TFG GFPT
  • น้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง PTTEP PTTGC IVL
  • ชุดตรวจ ATK : SMD WINMED TM

หุ้นรายงานพิเศษ

PRINC “มุมมองบวกต่อผลประกอบการมีลุ้น turnaround”

  • PRINC ได้รับผลบวกจากสถานการณ์โควิด-19 ท่ีทวีความรุนแรง ส่งผลให้มีผู้มาตรวจและรักษาโควิด-19 เพิ่มขึ้นทั้งในส่วนของโรงพยาบาลและ Hospitel ปัจจุบันโรงพยาบาลในเครือ พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ 12 แห่งใน 10 จังหวัด ร่วมมือกับภาครัฐรับดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ตามสิทธิ์การรักษา โดยโรงพยาบาลในเครือฯ เร่งเพิ่มศักยภาพรองรับผู้ป่วยท้ังประเทศล่าสุด (ณ วันที่ 10 ม.ค. 2565) ไม่ต่ำกว่า 3,000 เตียง โดยเฉพาะในพื้นที่การระบาดและโรงพยาบาลในเครือตั้งอยู่ นอกจากนี้ ยังมีการทยอยรับรู้รายได้จากการฉีดวัคซีนทางเลือก Moderna และ Sinopharm ที่ทยอยให้บริการฉีดวัคซีน
  • ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อผลการดำเนินงานปี 64 ท่ีมีแนวโน้มขาดทุนต่ำกว่าปี 63 ท่ีขาดทุน 512 ล้านบาท ผลประกอบการงวด 9M64 ขาดทุน 40 ล้านบาท ลดลงจากขาดทุน 424 ล้านบาทในงวด 9M63 และมีลุ้น Turnaround ในปี 65 หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังเรื้อรัง แนะนำซื้อเก็งกำไร

หุ้นมีข่าว

(+) GLOBAL (Bloomberg Consensus 27.00 บาท) บิ๊ก GLOBAL ชี้ช่องผลงานปี 2565 กระฉูดอีก 15-20% นิวไฮต่อเนื่อง สาขาเดิมยอดพุ่ง เปิดสาขาใหม่อีก 5-7 แห่ง ใช้งบลงทุนราว 2.5-3.0 พันล้านบาท เปิดเกมใหญ่สยายปีกต่างประเทศอีก บุกฟิลิปปินส์ร่วมกับพันธมิตร พร้อมเปิดสาขาในกัมพูชาเพิ่มอีก 1 แห่ง (ที่มา ทันหุ้น)

(+) NRF (Bloomberg Consensus 8.88 บาท) ทำดีลดิลิเจนซ์ ซื้อธุรกิจโปรตีนจากพืช ท็อป 10 ในสหรัฐ สู่ผู้นำในตลาดสหรัฐ เตรียมนำสินค้า Wicked Kitchen ทำตลาดในไทย แผนธุรกิจกับปตท.คืบ มั่นใจสัดส่วนรายได้ปีนี้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนรายได้รวมปี 2565 คาดโตกว่า 50%
(ท่ีมา ทันหุ้น)

(+) ASIAN (Bloomberg Consensus 23.50 บาท) ลุยโปรดักต์นวัตกรรม Plant-Based Food ในส่วนของเบอร์เกอร์และซีฟู้ด ร่วมกับลูกค้าในสหรัฐ หวังทำตลาดในสหรัฐ ส่วนปี 2565 ตั้งเป้ารายได้เติบโต 15% ชี้ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงดีมานด์สูง พร้อมตั้งงบลงทุน 500-600 ล้านบาท ขยายกำลังการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง (ท่ีมา ทันหุ้น)

(+) IMH (Bloomberg Consensus 23.25 บาท) ผนึกพันธมิตร เปิด “ศูนย์พักคอย” อีกครั้ง รับคนไข้โควิดกว่า 200 เตียง พร้อมปรับแผนสู้ “โอไมครอน” ส่ง “โรงพยาบาลประชาพัฒน์ ” รองรับคนไข้เคสเหลือง-แดง ล้นทะลักจากกลุ่มคนป่วย 7 โรคเสี่ยง ส่วน “ศูนย์พักคอย” รับคนไข้เคสเขียว (ที่มา ทันหุ้น)

ปัจจัยจับตาในประเทศ

  • 11 ม.ค.ตลท.แถลงทิศทางการดำเนินงานประจำปี 2565 สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สภาผู้ส่งออก) แถลงสถานการณ์การส่งออก ส.อ.ท.แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม
  • 12 ม.ค. ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.)
  • สัปดาห์ที่ 3 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ กระทรวงพาณิชย์แถลงตัวเลขการส่งออก-นำเข้า
  • 31 ม.ค. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย

ปัจจัยจับตาต่างประเทศ

  • 12 ม.ค. จีนรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ธ.ค. ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือน ธ.ค.

สหรัฐรายงานอัตราเงินเฟ้อเดือน ธ.ค. สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จาก EIA

  • 13 ม.ค.สหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือน ธ.ค.
  • 14 ม.ค. สหรัฐรายงานยอดค้าปลีกเดือนธ.ค. การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนม.ค. จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
  • 25-26 ม.ค. กำหนดการประชุม FED
  • 2 ก.พ. ประชุมโอเปกพลัส
- Advertisement -