Our View? ” ยังอยู่ภายใต้ความกังวล”

คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1650/1640 และแนวต้านที่บริเวณ 1,663/1,670 คาดตลาดจะได้รับ Sentiment เชิงลบจากตลาดต่างประเทศ เรามองตลาดจะรอดูถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาเพื่อประเมินการปรับเปลี่ยนนโยบายทางการเงินของ FED รวมทั้งการเปิดเผยตัวเลข CPI ของสหรัฐ ซึ่งเป็นเครื่องมือชี้วัดอัตราเงินเฟ้อที่สำคัญ FED คาดจะออกมาที่ 5.4% สูงกว่าเดือนก่อนหน้า และทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง คาดจะเป็นปัจจัยหนุนกระตุ้นความกังวลการปรับลดขนาดของงบดุล Quantitative Tightening (QT) ของ FED โดยล่าสุด Goldman Sachs ออกมาคาดการณ์ FED มีแนวโน้มขึ้นอัตรา 4 คร้ังในปีน้ี และจะเร่ิมทำ QT ก่อนช่วงเดือน ก.ค. เรามองปัจจัยดังกล่าวยังเป็นจิตวิทยาเชิงลบให้ตลาดยังอยู่ในบรรยากาศการลงทุนในลักษณะ Risk-off

ขณะที่เรามองกังวลการแพร่ระบาดท่ีรวดเร็วของ COVID-19 สายพันธ์ุโอมิครอนเป็นเพียง Noise เข้ามารบกวนตลาดเป็นระยะบ้างเท่านั้น โดยเราพบว่าการเร่งตัวของผู้ติดเชื้อใหม่ไม่ได้ส่งผลให้เกิดการเร่งตัวข้ึนของผู้เสียชีวิต ทำให้เราคาดว่ารัฐบาลในประเทศต่างๆ จะไม่ออกมาตรการ Lockdown ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตาม แนะนำตามติดตามรายงานของการค้นพบเชื้อไวรัส COVID- 19 สายพันธุ์ Deltacron ในไซปรัส ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีรายงานความรุนแรงของเชื้อไวรัสสายพันธุ์ดังกล่าว แต่คาดจะเป็น Sentiment เชิงลบกดดันทิศทางตลาดได้บ้าง

สำหรับราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ก.พ. เมื่อคืนยังคงย่อตัวพักฐานปิดที่ระดับ 78.23 ดอลลาร์/บาร์เรล -0.67 ดอลลาร์ หรือ -0.85% เราคาดเป็นแรงขายทำกำไรหลังปรับตัวขึ้น ในช่วงก่อนหน้า รวมทั้งการแพร่ระบาดที่รวดเร็วของ Omicron คาดจะกระตุ้นความกังวลอุปสงค์น้ำมันมีแนวโน้มลดลงได้ คาดจะกดดันทิศทางราคาน้ำมัน-หุ้นในกลุ่มพลังงานลดลงได้บ้างในระยะสั้น

ในส่วนของอินโดนีเซียส่งสัญญาณมีแนวโน้มกลับมาส่งออกถ่านหินอีกครั้งภายในสัปดาห์นี้ โดยเผชิญแรงกดดันจากหลายประเทศหลังจากห้ามส่งออกถ่านหินก่อนหน้า จากการที่อินโดนีเซียถือเป็นผู้ส่งออกถ่านหินให้ความร้อนรายใหญ่ที่สุดของโลก คาดจะกดดันทิศทางราคาถ่านหิน และค่าระวางเรืออ่อนตัวลงได้

ในส่วนของปัจจัยภายในประเทศวันนี้ แนะนำติดตามการประชุม ครม. ในประเด็นราคาอาหาร- เน้ือสัตว์เร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง คาดจะหนุนหุ้นในกลุ่มอาหาร และอาหารสัตว์ปรับตัวขึ้นได้ (CPF, GFPT, TFG, TU, BR, ASIAN, TFM และ LEE) อย่างไรก็ตาม เรายังชอบหุ้นในกลุ่มธนาคาร (KBANK, SCB, TTB) ที่คาดการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยจะสามารถทำให้สินเชื่อกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง รวมทั้งทิศทางดอกเบี้ยโลกเริ่มปรับเปลี่ยนเป็นขาขึ้น พร้อมทั้งการตั้ง ECL ท่ีคาดจะเริ่มปรับลดลงตั้งแต่ในช่วง 1Q’65 รวมทั้งหุ้นในกลุ่ม EV Play (EA, GPSC, HANA และ SAT) ตามแนวโน้มการผลักดันการใช้รถไฟฟ้า (EV) ของไทย ที่ตั้งเป้าจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าคิดเป็นสัดส่วน 30% ของการผลิตทั้งหมดภายในปี’ 73 และคาดว่าจะเริ่มเห็นการออกมาตรการกระตุ้นและสนับสนุนที่ชัดเจนมากข้ึนตั้งแต่ปีน้ี

ขณะที่ยังต้องติดตามเกณฑ์ท่ีชัดเจนเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีจากธุรกรรมขายหุ้น (Financial transaction tax) อัตรา 0.1% จากมูลค่าการขาย คาดยังเป็นปัจจัยจำกัด Upside ของตลาดหุ้นไทยได้บ้าง

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนำวันนี้ “TFG”

เก็งกำไร แนวรับ 5.10 / 5.00 Target 5.65 / 6.00 Stop <4.94

- Advertisement -