บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง :
ประเด็นการลงทุน
เราคาดว่ากำไร 2Q64 เพิ่มขึ้น 78% YoY เป็น 902 ล้านบาทซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์รองจาก 1Q64 ที่เป็นไฮซีซั่น เนื่องจากทั้งยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น แม้ราคาเหล็กเริ่มปรับตัวลดลง แต่คาดว่ากำไร 3Q63-4Q64 ยังเติบโตสูง YoY ซึ่งทำให้มีความเป็นไปได้ในการทบทวนประมาณการเพื่อสะท้อนผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง ขณะที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงจนทำให้มีอัพไซด์ 26% ไปสู่ราคาเป้าหมาย (DCF) 26 บาท เราจึงปรับคำแนะนำจาก Trading Buy เป็น ซื้อ
คาดกำไร 2Q64 เติบโต 78% YoY
คาดว่ากำไรสุทธิลดลง 7% QoQ ตามผลของฤดูกาล แต่จะเติบโตถึง 78% YoY เป็น 902 ล้านบาท ซึ่งเป็นกำไรรายไตรมาสสูงสุดเป็นอันดับสองรองจาก 1Q64 เนื่องจากคาดยอดขายเติบโต 38% YoY เป็น 8,599 ล้านบาท จากการเปิดสาขาใหม่ 5 สาขา YoY และ SSSG คาดว่าค่อนข้างสูงถึง +35% (เทียบกับ -20% ใน 2Q63 และ +13.7% ใน 1Q64) จากการที่สินค้าขายดีแทบทุกกลุ่ม และจากฐานต่ำในปีก่อนที่มีการปิดสาขาบางแห่งในช่วงล็อกดาวน์ เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 158 bps YoY เป็น 25.4% เนื่องจากการเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง และราคาเหล็กปรับตัวเพิ่มขึ้น
ผลกระทบจำกัดจากการปิดแคมป์คนงาน
การปิดแคมป์คนงานเป็นการชั่วคราวในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึง 4 จังหวัดในภาคใต้ คาดว่ามีผลกระทบจำกัดต่อยอดขายของ GLOBAL เนื่องจากโครงการก่อสร้างที่หยุดไปส่วนใหญ่ไม่ใช่ลูกค้าของบริษัท และบริษัทไม่มีสาขาในกรุงเทพฯ ส่วนการที่ราคาเหล็กเริ่มปรับตัวลดลงคาดว่ามีผลกระทบส่วนหนึ่งต่อผลประกอบการใน 2H64 อย่างไรก็ดี เราประเมินว่ากำไร 3Q64-4Q64 ยังเติบโตสูง YoY จากทั้งยอดขายและอัตรากำไรเพิ่มขึ้น
แนวโน้มกำไรยังเติบโตดีใน 2H64
ตามคาดการณ์ของเรา กำไรสุทธิ 1H64 เท่ากับ 1,868 ล้านบาท ซึ่งเกือบเท่ากำไรทั้งปี 2563 และมีสัดส่วนเป็น 68% ของประมาณการกำไรปีนี้ ขณะที่แนวโน้มกำไร 2H64 ยังอยู่ในเกณฑ์ดีและเติบโต YoY เราจึงเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ในการทบทวนประมาณการเพื่อสะท้อนถึงกำไรที่แข็งแกร่ง
ความเสี่ยง: การล็อกดาวน์ทำให้ต้องปิดสาขา ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ราคาเหล็กลดลงอย่างมีนัยยะ