บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

A.J. PLAST PCL คาดกำไรปกติ 4Q64 ฟื้นตัว QoQ และ YoY

Action

BUY (Maintain)

TP upside (downside) +13.0%

Close Jan 13, 2022 Price (THB) 17.70

12M Target (THB) 20.00

Previous Target (THB) 7.00

What’s new?

  • คาดกำไรปกติ 4Q64 ท่ี 123 ล้านบาท (+18% QoQ, +109% YoY) ได้รับแรงหนุนจากปริมาณขายแผ่นฟิล์มที่ฟื้นตัวตามระดับการบริโภคในประเทศ และ GPM ท่ีฟื้นตัวท้ัง QoQ และ YoY
  • แม้ภาคการผลิตจีนยังไม่ฟื้นตัว หลังได้รับแรงกดดันจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในจีน แต่ผลประกอบการ 1Q65 มีแนวโน้มทรงตัว เนื่องจากความกังวลเก่ียวกับการแพร่ระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์ Omicron ท่ีเร่งตัวขึ้น ส่งผลให้ลูกค้าบางกลุ่มชะลอการส่ังซื้อสินค้าออกไป

Our View

  • คงคำแนะนำ “ซื้อ” ท่ีราคาเหมาะสม 20.00 บาท/หุ้น (PBV 2.0x) มี Upside +13.0% และมี Upside เพิ่มเติมจากการท่ีเกาหลีใต้ประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าประเภทฟิล์ม BOPET จากไทยต่ำกว่าประเทศอื่นๆ เช่น ไต้หวัน UAE จีน และอินเดีย
  • บริษัทฯมีความเสี่ยงจากค่าขนส่งระหว่างประเทศท่ีอยู่ในระดับสูง และโอกาสในการเกิดสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ซึ่งจะทำให้ GPM ของบริษัทฯถูกกดดันได้

คาดกำไรปกติ 4Q64 เติบโต QoQ และ YoY จากฐานท่ีต่ำ

คาดรายได้ 4Q64 ที่ 2,294 ล้านบาททรงตัว QoQ แต่เติบโต +31% YoY จากราคาขายเฉลี่ยท่ีปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมัน และค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลง YoY รวมถึงระดับการบริโภคภายในประเทศที่เริ่มฟื้นตัวหลังการแพร่ระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์เดลต้าเริ่มคลี่คลายลง และการเปิดรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่เดือน พ.ย. 64 คาด อัตรากำไรขั้นต้นอย่างระมัดระวังท่ี 12.2% ฟื้นตัว QoQ และ YoY เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ท่ีคลี่คลายลง ส่งผลให้บริษัทฯสามารถส่งมอบสินค้าได้ตามกำหนด รวมถึงวิกฤติพลังงานในจีนที่ทำให้อุปทานแผ่นฟิ ล์มพลาสติกในภูมิภาคเอเชียลดลงชั่วคราว ส่งผลให้การปรับราคาขายเพื่อสะท้อนราคาต้นทุนวัตถุดิบของบริษัทเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ยังไม่กลับไปอยู่ในระดับเดียวกับใน 1H64 เนื่องจากภาวะการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่ส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายในการขนส่งที่สูงขึ้น คาดค่าใช้จ่าย SG&A ที่ 149 ล้านบาท เพิ่มขึ้น QoQ และ YoY จากปริมาณขายที่เพิ่มสูงขึ้น เราจึงคาดกำไรปกติ 4Q64 ที่ 123 ล้านบาท (+18%QoQ, +109%YoY) หากกำไรปกติ 4Q64 เป็นไปตามคาด กำไรปกติปี 2564 จะใกล้เคียงกับประมาณการของเราที่ 589 ล้านบาท (+21%YoY)

กำไรปกติ 1Q65 มีแนวโน้มทรงตัว QoQ

แม้ภาคการผลิตในจีนจะถูกกดดันการแพร่ระบาดของ COVID สายพันธุ์ Omicron ในจีน ซึ่งส่งผลให้อุปทานของแผ่นฟิล์มในภูมิภาคเอเชียยังไม่ฟื้นตัว แต่คาดกำไรปกติ 1Q65 ทรงตัว QoQ เนื่องจากความกังวลด้านการแพร่ระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่ ส่งผลให้ลูกค้าบางกลุ่มเลือกที่จะชะลอคำสั่งซื้อออกไป เบื้องต้น เรามองว่าผลประกอบการของ AJ จะเริ่มเติบโตตั้งแต่ 2Q65 จากการได้รับเครื่องจักร Metallizer ซึ่งใช้สำหรับการผลิตสินค้า High Margin ในช่วงปลาย 1Q65 และการขยายโรงงานแห่งที่ 2 ในช่วง 2H65 ซึ่งในโรงงานดังกล่าวจะมีการติดตั้งเครื่องจักรสำหรับผลิตฟิล์ม BOPP และ BOPET ซึ่งบริษัทฯได้มีการสั่งซื้อในช่วงปลายปี 2563 และต้นปี 2564 ตามลำดับ

คงคำแนะนำ “ซื้อ”

คงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ท่ี 20.00 บาทต่อหุ้น อิง PBV ท่ี 1.7 เท่า มี Upside +13.0% คงคำแนะนำ “ซื้อ” โดย AJ มี Upside เพิ่มเติมได้หลังทางการเกาหลีใต้ได้มีการประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าประเภทฟิล์ม BOPET จากไทยที่ราว 3% ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำกว่าประเทศอื่น เช่น ไต้หวัน (5.5%) UAE (8-60%) จีน (มากกว่า 10%) และอินเดีย (มากกว่า 10%) ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ประกอบการในเกาหลีใต้หันมาสั่งซื้อสินค้าจาก AJ มากขึ้น (เกาหลีใต้ถือเป็นหนึ่งในตลาดหลักของ AJ อยู้แล้ว ) อย่างไรก็ตาม AJ มีความเสี่ยงจาก 1) ค่าขนส่งระหว่างประเทศที่ยังอยู่ในระดับสูง และ 2) การเกิดสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทฯถูกกดดันจาก Supply ในภูมิภาคที่เพิ่มขึ้น (สินค้าที่จีนส่งไปสหรัฐฯ ถูกนำมาขายในตลาดเอเชียแทน)

- Advertisement -