บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

LAND AND HOUSES เปิดแผนปี 2565 เน้นการฟื้นตัวอย่างมั่นคง

Action

BUY (Maintain)

TP upside (downside) +16.6%

Close Jan 13, 2022 Price (THB) 8.75

12M Target (THB) 10.20

Previous Target (THB) 10.20

What’s new?

  • บริษัทรายงาน Presale 4Q64 ที่ 6.6 พันลบ. ทรงตัว QoQ แต่โตเด่น YoY จากอุปสงค์โครงการแนวราบที่ยังแข็งแกร่ง
  • บริษัทวางแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2565 จำนวน 15 โครงการรวมมูลค่า 3.0 หมื่นลบ. เติบโตขึ้น 50% YoY จากฐานที่ต่ำในปี 2564
  • คาดบริษัทมีแนวโน้มสูงที่จะทำยอด Presale และยอดโอนปี 2565 ที่ 3.1 หมื่นลบ. และ 3.3 หมื่นลบ. ได้ตามเป้า จากสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ที่หนุนอุปสงค์แนวราบ

Our View

  • ปรับลดประมาณการปี 2564/65 ลง 16% และ 12% ตามลำดับ จากส่วนแบ่งกำไรร่วมค้าที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาดการณ์
  • คงคำแนะนำ ซื้อ Rollover TP ไปยังสิ้นปี 2565 ที่ 10.20 บาท/หุ้น
  • คาดเงินปันผลงวด 2H64 ที่ 0.25 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend yield 2.9% ช่วยจำกัด Downside risk ในระยะสั้น
  • Upside risk ต่อกำไรสุทธิปี 2565 ที่ยังไม่ได้รวมไว้ในประมาณการ คือ การขายสินทรัพย์เพื่อเช่าใน USA คาดเห็นความชัดเจนมากขึ้นในปี ช่วง 2Q65

Presale 4Q64 ฟื้นตัวขึ้น QoQ แต่ยังไม่กลับเข้าสู่ระดับปกติ

บริษัทรายงาน Presale 4Q64 ท่ี 6.6 พันลบ. (+0.3% QoQ, +21.7% YoY) แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 6.9 พันลบ. เติบโตโดดเด่น 9.6%QoQ และ 23.6%YoY จากการคลายมาตรการปิดแคมป์คนงานก่อสร้างในช่วงกลาง 3Q64 หนุนด้วยการเปิดตัวโครงการใหม่ที่หนาแน่นกว่า 6 โครงการ รวมมูลค่า 8.9 พันลบ.ขณะท่ี Presale โครงการแนวสูงรายงานท่ีติดลบ 307 ลบ. ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับลด Backlog โครงการแนวสูงที่คุณภาพต่ำรวมราว 400 ลบ.

เบื้องต้นเราคาดผลประกอบการปกติ 4Q64 ที่ระดับ 1.6-1.7 พันลบ.เพิ่ม QoQ จาก 1.3 พันลบ.ในช่วง 3Q64 แต่ยังลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่ระดับ 1.8 พันลบ. โดยสาเหตุหลักมาจากผลประกอบการของธุรกิจเช่าและบริการ และส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจร่วมค้าที่ยังอยู่ระหว่างการฟื้นตัวและยังไม่กลับเข้าสู่ระดับปกติ

แผนปี 2565 มุ่งเน้นการเติมพอร์ตแนวราบ…แนวโน้มอุปสงค์ยังแข็งแกร่ง

บริษัทประกาศแผนการดำเนินงานปี 2565 โดยมีสาระสำคัญดังนี้

  1. ตั้งเป้าเปิดตัวโครงการใหม่ที่ระดับ 3.0 หมื่นลบ. เติบโตขึ้นกว่า 50.0%YoY ประกอบด้วยโครงการแนวราบ จำนวน 14 โครงการ รวมมูลค่า 2.9 หมื่นลบ. และโครงการแนวสูงขนาดเล็กจำนวน 1 โครงการ มูลค่า 820 ลบ. ทั้งนี้ แผนการเปิดตังโครงการใหม่ส่วนใหญ่ (สัดส่วนราว 2 ใน 3) จะอยู่ในช่วง 2H65 โดยโครงการท่่เป็น Highlight ของปี 2565 ได้แก่ Nantawan Rama9–New Krungthep Kritha (มูลค่า 5.2 พันลบ.) และ Nantawan Pinklao–Kanchana (มูลค่า 6.1 พันลบ.) จะเปิดตัวในช่วง 3Q65 และ 4Q65 ตามลำดับ
  2. บริษัทตั้งเป้า Presale และยอดโอนกรรมสิทธ์ิในปี 2565 ท่ี 3.1 หมื่นลบ. (+8.3% YoY) และ 3.3 หมื่นลบ. ตามลำดับ หากอิงจากการเปิดตัวโครงการใหม่ท่ีหนาแน่น ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์ Omicron ในปัจจุบันเราคาดอุปสงค์โครงการแนวราบจะยังแข็งแกร่งต่อเนื่องไปยังสิ้นปี 2565 เป็นอย่างน้อย จึงมีโอกาสสูงที่บริษัทจะทำยอด Presale และยอดโอนได้ตามเป้า
  3. บริษัทได้มีการเข้าซื้อโรงแรมจำนวน 1 แห่งใน USA คือ The Spring Hill Suites by Marriott มูลค่า 31 ล้านเหรียญ (ราว 1.0 พันลบ.) ในช่วงเดือนธ.ค.2564 ที่ผ่านมา และจะเริ่มเปิดให้บริการห้างสรรพสินค้า Terminal 21 Rama 3 (มูลค่า 4.5 พันลบ.) และโรงแรม Grand Center Point Space Pattaya (มูลค่า 3.4 พันลบ.) ในช่วง 2H65 ส่งผลให้บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ธุรกิจเช่าและบริการกว่า 119%YoY เป็น 3.8 พันลบ. ในปี 2565

ปรับลดประมาณการกำไรปกติปี 2564/65 ลง 16% และ 12% ตามลำดับ

เราปรับลดประมาณการกำไรปกติปี 2564/65 16% และ 12% เป็น 6.5 พันลบ. (+0.6%YoY) และ 7.4 พันลบ. (+12.8%YoY) ตามลำดับ หลักๆมาจากการปรับสมมติฐาน 1) ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจร่วมค้าปี 2564/65 ลง 22.5% และ 16.6% เป็น 2.4 พันลบ. และ 2.8 พันลบ. ตามลำดับ และ 2) การปรับลดอัตรากำไรขั้นต้นปี 2565 ลง 861bps จาก 32.1% เป็น 31.2% จากต้นทุนวัสดุก่อสร้างและต้นทุนผู้รับเหมาที่คาดปรับตัวขึ้น YoY

คงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ท่ี 10.20 บาท/หุ้น

คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ท่ี 10.20 บาท/หุ้น (อิงวิธี SOTP) (การ Rollover ราคาเหมาะสมไปยังสิ้นปี 2565 จากเดิม 1H65 ถูก offset ด้วยการปรับลดประมาณการกำไรปี 2565) พร้อมคาดเงินปันผลงวด 2H64 ท่ี 0.25 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend yield 2.9% ช่วยจำกัด Downside risk ในระยะสั้น นอกจากนี้ Upside risk ในปี 2565 ที่ยังไม่ได้รวมไว้ในประมาณการ คือ แผนการขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าจำนวน 1 แห่งใน USA คาดเห็นความชัดเจนมากขึ้นในช่วง 2Q65 และจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหนุนกำไรสุทธิและเงินปันผลในปี 2565 ซึ่งปัจจุบันคาดท่ี 0.55 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield 6.3% สูงเป็นอันดับต้นๆของอุตสาหกรรม

- Advertisement -