KS Daily View 17.01.2022 >>> ราคาสัญญาน้ำมันดิบ ปรับตัวขึ้นกดดันกลุ่ม Anti-commo ระยะสั้น/ ติดตามทยอยรายงานผลประกอบการกลุ่มธนาคาร คาดโดยรวมกำไรจะฟื้นตัว/ ติดตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศของภาครัฐที่จะทยอยประกาศ/ SET คาด 1670-80 หุ้นแนะนำ STEC

 

Energy sector: ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดที่ US$86.06/bbl (+1.9%) จากการที่ OPEC+ ผลิตน้ำมันต่ำกว่าโควตาที่กำหนด และปัญหา Geopolitics หลังรัสเซียส่งกำลังทหารประชิดชายแดนที่ติดกับยูเครน แม้กระทรวงพลังงานสหรัฐฯจะมีการขาย Stragegic reservec 18 ล้านบาร์เรลเมื่อวันพฤหัสฯที่ผ่านมา รวมถึงตัวเลข Oil rig count จะปรับขึ้นเป็น 492 แท่น (+11 แท่นจากสัปดาห์ก่อน) และเป็นจุดสูงสุดนับแต่ เม.ย. 2020 สำหรับสัปดาห์นี้ให้ติดตามข่าวที่จีนเตรียมระบายน้ำมันจากคลังสำรองในช่วงเทศกาลตรุษจีนระหว่างวันที่ 31 ม.ค.-6 ก.พ. ซึ่งเป็นความร่วมมือกับสหรัฐและชาติพันธมิตรเพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันในตลาด มองว่าราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นจะเป็นบวกกับกลุ่มพลังงาน แต่เป็น sentiment เชิงลบต่อกลุ่ม Anti-commodities

Financial sector: ติดตามการประกาศงบของกลุ่มธนาคาร หลัง TISCO รายงานกำไร 4Q21 ออกมาดีกว่าคาดจาก non-NII ที่เพิ่มขึ้น และการตั้งสำรองลดลง ทั้งนี้นักวิเคราะห์ของ KS คาดว่ากำไรของ Bank sector จะเติบโต 16% QoQ และ 107% YoY โดยคาดกำไรของ BBL ในไตรมาส 4/2564 จะแข็งแกร่งที่สุดเพราะยังมี room ในการลดค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญ ติดตามทิศทาง US 10Y yield ล่าสุดปรับขึ้นแตะระดับ 1.78% ใกล้เคียงระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี หลังตลาดเริ่มมีการคาดการณ์กันว่าเฟดอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 50bps. ในเดือน มี.ค. เพื่อสกัดเงินเฟ้อ ซึ่งคาดว่าจะทำให้อัตราผลตอบแทนของ Thai 10Y yield ปรับขึ้นด้วย มองเป็นบวกกับกลุ่มธนาคาร และประกัน

EV related sector: ติดตามมาตรการสนับสนุนรถ EV ที่จะเข้าครม.เพื่ออนุมัติ 25 มกราคมนี้ ได้แก่ การลดภาษีนำเข้า ภาษีสรรพสามิต การให้เงินอุดหนุนสูงสุด 1.5 แสนบาทสำหรับรถยนต์ และ 1.8 หมื่นบาทสำหรับรถจักรยานยนต์ EV ทั้งนี้ผู้ที่ขอนำเข้ารถอีวีจะต้องผลิตรถยนต์ชดเชยในปี 2567 กล่าวคือ นําเข้า 1 คัน ผลิต 1.5คัน ขณะเดียวกันยังมีข้อเสนอให้ยกเว้นอากรขาเข้าชิ้นส่วนสำคัญที่มีการนำเข้าในปี พ.ศ. 2565-2568 อย่างไรก็ตามในปี พ.ศ. 2569 อาจมีการบังคับให้ใช้แบตเตอรีระดับเซลล์ที่ผลิตในประเทศด้วย ดังนี้คาดว่าธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Battery (EA, GPSC) ผู้ประกอบการรถยนต์ไฟฟ้า (EA, NEX, PTT) อุปกรณ์ชาร์จ (SYNEX, FORTH) สถานีชาร์จ (PTG, OR) และกลุ่มนิคมฯ (AMATA, WHA) น่าจะได้ประโยชน์

Reopening sector: ติดตามว่าการประกาศให้ COVID-19 เป็นโรคพื้นถิ่น (Endemic) รวมถึงการกลับมาเปิดรับนักท่องเที่ยวแบบ Test&Go หลังจากที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลได้ยกเลิกไปช่วงปลายเดือน ธ.ค. และส่งผลกระทบทำให้อัตราเข้าพักเฉลี่ยทั่วประเทศ ม.ค. 65 ร่วงเหลือ 20%

Domestic consumption linked sectors: ติดตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศของภาครัฐที่จะทยอยประกาศได้แก่ โครงการคนละครึ่งเฟส 4 โครงการทัวร์เที่ยวไทย-เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4 รวมถึงมาตรการคุมเงินเฟ้อ-ราคาสินค้า เช่น ราคาหมู การลดภาษีนำเข้าอาหารสัตว์ การตรึงดีเซล 30 บาทต่อลิตร

มุมมองตลาดหุ้น SET คาด 1670-80 หุ้นแนะนำ STEC

Top pick: STEC (ราคาพื้นฐาน 21.15 บาท) เราคาดบริษัทจะได้ประโยชน์จากโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่กำลังจะมีขึ้นในปีนี้ ขณะที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะดีขึ้นหลังโครงการอัตรากำไรต่ำอย่างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว.

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

วันจันทร์ ติดตาม ติดตาม ตัวเลข Industrial production ของจีนเดือน ธ.ค. คาด +3.6% YoY ตัวเลข GDP 4Q21 ของจีนคาด +3.6% YoY ตัวเลข Retail sales ของจีนเดือน ธ.ค. คาด +3.7% YoY และตัวเลข Fixed asset investment ของจีนเดือ ธ.ค. คาด +4.8% YoY

วันอังคาร ติดตาม ตัวเลขยอดผลิตรถยนต์ของไทย การประชุม BOJ คาดคงดอกเบี้ยนโยบายที่ -0.1% และรายงานภาวะตลาดน้ำมันของ OPEC ประจำเดือน

วันพุธ ติดตาม ตัวเลข Inflation rate ของอังกฤษเดือน ธ.ค. คาด +5.2% YoY ตัวเลข Housing Starts เดือน ธ.ค. คาด 1.65 ล้านยูนิต (-1.7% MoM) ตัวเลข Building Permits เดือน ธ.ค. คาด 1.7 ล้านยูนิต (+0.4% MoM)

วันพฤหัสฯ ติดตาม การกำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย Loan Prime Rate 1 ปีของจีนคาดคงดอกเบี้ยที่ 3.8% ดัชนี PPI ของเยอรมันเดือน ธ.ค. คาด +19.4% YoY ตัวเลข การขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯ รายสัปดาห์คาด +2.32 แสนคน ตัวเลข Existing Home Sales เดือน ธ.ค. คาด 6.35 ล้านยูนิต (-2% MoM) และปริมาณสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ รายสัปดาห์ของสหรัฐฯ

วันศุกร์ ติดตาม ตัวเลขส่งออก และนำเข้าของไทยเดือน ธ.ค. ตัวเลข Inflation rate ของญี่ปุ่น เดือน ธ.ค. คาด +0.7% YoY และถ้อยแถลงของ ECB Lagarde

- Advertisement -