Our View? ”คืนนี้พอได้ลุ้น”

คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับท่ีบริเวณ 1,633 / 1,625 และแนวต้านที่บริเวณ 1,650/1,655 คาดตลาดยังคงรอดูผลการประชุม FOMC ของธนาคารกลางสหรัฐ (FED)ในค่ำคืนนี้ โดยเฉพาะส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และการปรับลดขนาดงบดุล (QT) ในเดือนก.ค.หรือเร็วกว่า อย่างไรก็ตาม เรามองว่าตลาดในปัจจุบันรับรู้ และคาดการณ์ FED มีแนวโน้มจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ไปแล้ว เราเชื่อว่านายเจอโรม พาวเวล จะไม่ส่งสัญญาณที่รุนแรงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า ขณะที่ VIX Index ซึ่งเป็นดัชนีวัดความผันผวนของตลาดสหรัฐเมื่อวันก่อนปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับราว 39 สูงสุดตั้งแต่เดือนพ.ย.ปี’63 แล้วเริ่มชะลอกำลังลงบ้างแล้ว รวมทั้ง Fear & Greed Index เช้านี้อ่อนตัวลงอยู่ที่ระดับ 39 ซึ่งบ่งชี้ตลาดกำลังอยู่ในภาวะกลัวไปในระดับหนึ่งแล้ว ทำให้คาดว่าราคาสินทรัพย์เสี่ยงมีโอกาสรีบาวด์กลับขึ้นได้หลังจากการประชุม FOMC หาก FED ไม่ได้มีการส่งสัญญาณท่ีรุนแรงไปกว่าท่ีตลาดคาด ทั้งนี้เราประเมินแนวรับของ SET ในโซน 1,630–1,615 เป็นโซนน่าสนใจในการเข้าซื้อหุ้นเพื่อคาดหวังการรีบาวด์ของตลาดได้

อย่างไรก็ตาม คาดตลาดอาจมีความกังวลจากปัญหาความตึงเครียดระหว่างสหรัฐ-รัสเซีย เกี่ยวกับการที่รัสเซียส่งทหารเข้าใกล้ชายแดนยูเครน โดย NATO ประกาศเสริมกำลังทหารทั้งทางบก ทะเล และทางอากาศ ตามพรมแดนฝั่งตะวันออกไปแล้ว คาดแรงกดดันดังกล่าวเป็นจิตวิทยาเชิงลบ กดดันทิศทางสินทรัพย์เสี่ยงได้บ้าง แต่มองเป็นปัจจัยบวกหนุนทิศทางราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นได้ต่อ โดยเมื่อคืนนี้ราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ปรับตัวขึ้นปิดที่ระดับ 85.60 ดอลลาร์/บาร์เรล +2.29 ดอลลาร์ (+2.75%) จากความตึงเครียดดังกล่าว รวมทั้งความตึงเครียดใน ตะวันออกกลางหลังกลุ่มกบฎฮูตีใช้โดรนและขีปนาวุธโจมตีแหล่งกักเก็บเชื้อเพลิงของบริษัทน้ำมันแห่งชาติอาบูดาบี (ADNOC) คาดจะหนุนทิศทางราคาน้ำมัน-หุ้นในกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นประคองตลาดได้อยู่

ขณะที่การที่ IMF ออกมาปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกลงเหลือขยายตัว 4.4% จากคาดการณ์ก่อน หน้าที่ 4.9% รวมทั้งยังปรับลดสหรัฐลงเหลือ 4.0% จากเดิม 5.2% จากคาดการณ์ การได้รับผลกระทบของการที่ FED ปรับเปลี่ยนนโยบายทางการเงินมองเป็นจิตวิทยาเชิงลบอ่อนๆ กดดันทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้บ้าง ขณะที่ไทยถูกปรับลดลงเหลือ 4.1% จากเดิมคาด 4.5% ถือว่ายังดีกว่าหลายองค์กรภายในประเทศ คาดการณ์ไว้ว่าจะโตที่ระดับ 3.8-4.0%

ในส่วนของปัจจัยภายในประเทศสัปดาห์นี้ยังคงแนะนำติดตามการเปิดเผยผลประกอบการ 4Q’64 ของ บจ.ในตลาดหุ้นไทยต่อ ขณะที่เมื่อวานน้ี ครม. อนุมัติโครงการคนละครึ่ง Phase 4 กรอบวงเงิน 3.48 หมื่นล้านบาท โดยเป็นวงเงินไม่เกิน 1.2 พันบาทต่อคน ไม่เกิน 150 บาทต่อวัน เหมือนเดิมตั้งแต่เดือน ก.พ. – มี.ค.

รวมทั้งอนุมัติโครงการเราเที่ยวด้วยกัน Phase4 กรอบวงเงิน 9 พันล้านบาท ตั้งแต่ก.พ.-ก.ค.โดยรัฐบาลจะสนับสนุนค่าที่พักไม่เกิน 40% แต่ไม่เกิน 3 พันบาท/ห้อง/คืน รวมทั้งหมด 2 ล้านสิทธิ เป็นปัจจัยบวกจากการผ่อนคลายนโยบาย Test&Go ก่อนหน้า คาดจะหนุนหุ้นในกลุ่ม Re-Opening theme ฟื้นตัวขึ้นได้ต่อ

ทั้งนี้ คาดว่าหุ้นในกลุ่มที่เปิดรับการชำระสินค้าและบริการด้วยคริปโทฯ (BA, AAV, SC, ORI, RS, MAJOR,  BCP, CHEWA, ASW, SIRI, ANAN) อาจเผชิญแรงขายได้บ้าง หลังกระทรวงการคลัง-ธปท.-ก.ล.ต.ออกหลักเกณฑ์ห้ามไม่ให้ผู้ประกอบการธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาชำระสินค้าและการ เรามองว่าแม้ในปัจจุบันคาดจะไม่ส่งผลโดยตรงต่อพื้นฐานของหุ้นนั้นๆ แต่มองเป็นจิตวิทยาเชิงลบกดดัน ลทิศทางราคาหุ้นในระยะสั้นได้

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนำวันน้ี “HANA”

เล่นรีบาวด์ แนวรับ 72.00 / 70.50 Target 75.75 / 80.50 Stop <69.75

- Advertisement -