บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):
Shrinkflex (Thailand) PCL (SFT.BK / SFT TB) ประมาณการ 4Q64F: กำไรจะเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ
Event
ประมาณการ 4Q64 และอัพเดตแนวโน้มของบริษัท
Impact
ประมาณการ 4Q64: กำไรจะเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ
เราคาดว่ากำไรสุทธิของ SFT ใน 4Q264F จะอยู่ที่ 35 ล้านบาท (+62% YoY, +6% QoQ) ซึ่งจะทำให้กำไรสุทธิในปี 2564F อยู่ที่ 134 ล้านบาท (+71% YoY) เราคาดว่ายอดขายใน 4Q264F จะเพิ่มขึ้นเป็น 230 ล้านบาท (+26% YoY, +12% QoQ) เนื่องจากมีการผ่อนคลายมาตรการ lockdown ทำให้ยอดขายปี 2564 เพิ่มขึ้นเป็น 839 ล้านบาท (+24% YoY) ซึ่งจะเป็นไปตามเป้าอัตราการเติบโตของยอดขายบริษัทที่ตั้งไว้ที่ปีละ 15-20% เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 29% (-2.ppts YoY, +0.5ppts QoQ) เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นถูกชดเชยไปบางส่วนด้วยการปรับราคาขาย ซึ่งจะส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นในปี 2564 อยู่ที่ 29.6% (+0.4ppts YoY) สะท้อนถึงการประหยัดต่อขนาดที่เกิดจากการที่ยอดขายเติบโต
เตรียมตัวมาอย่างดี และยังคงเป้าอัตราการเติบโตของยอดขายไว้ที่ปีละ 15-20%
การที่ COVID-19 ระบาดทำให้การดำเนินงานในปี 2564 ของ SFT สะดุดในช่วงสั้น แต่เราคาดว่าโมเมนตั้มจะกลับมาหลัง COVID-19 ผ่านพ้นไปแล้ว เพราะบรรจุภัณฑ์อาหารถูกคาดการณ์ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมที่มีการฟื้นตัว ทั้งนี้ SFT เตรียมตัวมาอย่างดีในการที่จะเกาะกระแสการฟื้นตัว โดยมีแผนจะขยายกำลังการผลิตที่โรงงานแห่งใหม่ (คาดว่าจะเสร็จใน 3Q65) ดังนั้นเราจึงเชื่อว่ายอดขายของ SFT น่าจะโตได้ตามเป้า 15-20% ต่อปี ในขณะเดียวกันเราคาดว่าต้นทุนวัตถุดิบที่แพงขึ้นจะอยู่ในระดับที่สามารถจัดการได้ ในขณะที่บริษัทมีการปรับราคาขายด้วย ดังนั้น เราจึงคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะดีขึ้น และคาดว่ากําไรสุทธิของ SFT จะโตประมาณ 18% ในปี 2565-66 ยังมี Upside อีกมาก โดยราคาหุ้นยังอยู่ในระดับที่สมเหตุสมผล ราคาหุ้นของ SFT ลดลงมาตั้งแต่เดือนกันยายน 2564 ซึ่งอาจเป็นเพราะผลการดำเนินงานที่อ่อนแอใน 3Q64 แต่ถึงแม้จะใช้ PER แบบอนุรักษ์นิยม ราคาปิดล่าสุดยังมี upside อีกถึง 14% โดย PER อยู่ที่ 20.0x (ซึ่งคิดเป็น PEG ที่ประมาณ 1.1x อิงจาก EPS ปี 2565)
Valuation & action
เรายังคงราคาเป้าหมายสิ้นปี 2565 เอาไว้ที่ 9.50 บาท อิงจาก PER เท่าเดิมที่ 25.0x (ค่าเฉลี่ยของหุ้นกลุ่มนี้ในตลาดโลก +1.0 S.D. ) และยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” SFT
Risks ราคาวัตถุดิบผันผวน, เกิด disruption ในสายการผลิต, วัตถุดิบและสินค้าที่ผลิตเสร็จแล้วเสียหาย, ความเสียงจากนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับฉลากพลาสติก, ความกังวลต่อสิ่งแวดล้อม, คู่แข่งรายใหม่, อัตราแลกเปลี่ยนผันผวน