SFLEX เปิดแผนปีเสือทอง ปักหมุดรายได้ปี 65 แตะ 1,800 ล้านบาท  มุ่งเน้นขยายตลาดบรรจุภัณฑ์เกรดพรีเมี่ยม รวมทั้งงานกลุ่มผลิตภัณฑ์มาร์จิ้นสูง ขณะที่โรงงานใหม่คาดสร้างเสร็จต้นปีนี้ ดันกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 265 ล้านเมตรต่อปี จากเดิม 180 ล้านเมตรต่อปี หนุนฐานรายได้ทะยาน ดันอัตรากำไรขั้นต้นพุ่ง ขณะที่ภาพรวมผลงานปี 64 โตทะลุเป้า ไม่น้อยกว่า 1,560 ล้านบาท หลังลูกค้ากลุ่ม Food และ Non Food มีออเดอร์ทะลักเข้ามาต่อเนื่อง

 

ดร.สมโภชน์ วัลยะเสวี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์เฟล็กซ์ จำกัด ( มหาชน) หรือ SFLEX ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนชั้นนำในประเทศ เปิดเผยว่า ในปี 2565 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตแบบ Organic growth จากธุรกิจหลักอยู่ที่ประมาณ 1,760-1,800 ล้านบาท โดยเน้นกลยุทธ์การขยายตลาดไปยังผลิตภัณฑ์อาหาร และผลิตภัณท์ทางการแพทย์ (medical) ให้มากยิ่งขึ้น ประกอบกับการมุ่งเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพ และมีการเติบโตสูงในอนาคต รวมทั้งจากการที่มีการรวมศูนย์การผลิต โดยย้ายโรงงานแพรกษามารวมกันที่บางเพรียงและเพิ่มขนาดกำลังผลิตร่วมด้วย  จะส่งผลทำให้บริษัทมีความสามารถในการทำอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าตามแผนกลยุทธ์เดิมที่มุ่งเน้นการขยายตลาดบรรจุภัณฑ์เกรดพรีเมี่ยม เน้นงานกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ให้มาร์จิ้นสูง โดยตั้งเป้าปรับสัดส่วนรายได้บรรจุภัณฑ์อาหาร (FOOD) เป็น 25% จากเดิม 21% และบรรจุภัณฑ์ไม่ใช่อาหาร (Non Food) เหลือ 75% จากเดิม 79% เพื่อสร้างความยั่งยืนของอัตรากำไรขั้นต้นให้สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง สอดคล้องกับแผนการก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ที่จะเข้ามารองรับบรรจุภัณฑ์อาหารและอุปกรณ์การแพทย์ คาดว่าโรงงานแห่งใหม่จะเสร็จภายในช่วงต้นปีนี้ โดยจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นมาเป็น 265 ล้านเมตรต่อปี จากปัจจุบันกำลังผลิตอยู่ที่ 180 ล้านเมตรต่อปี ซึ่งบริษัทมีการลงทุนเครื่องจักรใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูง รวมทั้งมีแผนการย้ายเครื่องจักร และเครื่องเป่าฟิล์ม (Blown Film) ที่ผลิตอยู่ที่โรงงานแห่งที่ 2 มารวมอยู่ที่โรงงานแห่งใหม่ และหลังจากเดินกำลังผลิตเต็มที่จะส่งผลให้เกิดการประหยัดต่อขนาด ทำให้สามารถควบคุมต้นทุนได้อย่างดี โดยเป้าหมายการเติบโตในปีนี้ ยังไม่นับรวมรายได้จากการเติบโตแบบ Non-Organic growth

ดร.สมชาย วงศ์รัศมี ประธานเจ้าหน้าที่สายบัญชีและการเงิน  SFLEX กล่าวว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2564 มั่นใจว่าจะสามารถสร้างการเติบโตของรายได้จากการขาย Flexible Packaging ไม่น้อยกว่า 1,560 ล้านบาท ซึ่งเป็นการสร้างสถิติสูงสุดใหม่จากปีก่อน และเป็นไปตามเป้าหมายอย่างแน่นอน เนื่องจากกลยุทธ์การขยายฐานลูกค้าทั้งกลุ่ม Food เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อขนาดใหญ่ และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องสม่ำเสมอ ขณะเดียวกัน กลุ่มที่เป็น Non-food  ก็มีการขยายตัวที่ดีต่อเนื่องเช่นกัน ทำให้มีคำสั่งซื้อ และจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นด้วย

สำหรับในปี 2564 บริษัทสามารถสร้างรายได้และกำไรเติบโตต่อเนื่อง เนื่องจากมีรายได้จากการขายบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน (Flexible Packaging) เพิ่มขึ้นจากคำสั่งซื้อที่ต่อเนื่องจากแผนการขยายฐานลูกค้าและขยายฐานรายได้ ส่วนราคาวัตถุดิบที่มีความผันและแนวโน้มราคาเพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่ต้นปี ทำให้บริษัทต้องเร่งปรับนโยบายการควบคุมต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ  เพื่อรักษาความสามารถในการทำกำไรไว้ ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายที่จะจัดหาวัตถุดิบที่มีต้นทุนคงที่ในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน จะลดต้นทุนส่วนอื่น เพื่อเข้ามาชดเชยให้ราคาสินค้ามีเสถียรภาพมากขึ้น

**********

- Advertisement -