Daily View

ตลาดหุ้นสหรัฐยังคงผันผวนต่อเนื่อง โดยเมื่อคืนที่ผ่านมา Dow Jones ช่วงแรกปรับตัวขึ้นถึง 605 จุด (1.7%) รับข่าว GDP 4Q21 ที่ขยายตัวได้ถึง 6.9%QoQ สูงกว่านักวิเคราะห์คาดที่ 5.3%QoQ อย่างไรก็ตาม กลับพบถอยลงมาปิดลบ7.3 จุด (-0.02%) นักลงทุนยังคงวิตกกับสถานการณ์เงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐที่เริ่มมองกันว่าอาจมีโอกาสปรับขึ้นได้มากกว่า 4 ครั้ง ความเห็นจาก Bloomberg ล่าสุดเริ่มมองว่าอาจได้ถึง 5 ครั้งในปีนี้ สอดคล้องกับทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 2 ปีที่เดินหน้าปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง และ Dollar Index ที่แข็งค่า อย่างมีนัยยะ (ตามทฤษฎีคือนักลงทุนคาดหวังว่าดอกเบี้ยจะปรับขึ้น) โดยคืนนี้ ติดตามตัวเลข CORE PCE เพื่อประเมินทิศทางเงินเฟ้อสหรัฐ Bloomberg คาดที่ 0.5%MoM หากต่ำกว่าตลาดคาด อาจทำให้ตลาดหุ้นพลิกกลับมาฟื้นคืนได้บ้าง อย่างไรก็ตาม หากเร่งตัวสูงกว่าคาดก็อาจกดดันได้ ทั้งนี้เราปรับมุมมองต่อการลงทุนมาเป็นเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น เพราะมองว่าตลาดหุ้นทั่วโลกมีโอกาสปรับฐานลงมาสะท้อนดอกเบี้ยสหรัฐที่มี Upside เพิ่มจาก 4 ครั้ง แต่จะเป็นกี่ครั้งคงต้องทยอยประเมินจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมา นักลงทุนที่รับความเสี่ยงต่ำอาจเพิ่มการถือครองเงินสดเพิ่มขึ้นบ้าง ด้านในประเทศยังไม่มีอะไรใหม่ๆ ยังเป็นเรื่องของผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน รวมถึงประเด็นบวกจากคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติเห็นชอบแนวทางพิจารณาเตรียมพร้อมให้โรค COVID-19 เป็นโรคประจำถิ่น เนื่องจากอัตราการเสียชีวิตน้อยกว่า 0.1% และเข้ารักษาในโรงพยาบาลน้อยกว่า 10% เรามองเป็นบวกต่อการท่องเที่ยวไทย และมีโอกาสที่การท่องเที่ยวครึ่งปีหลังจะเริ่มเห็นทิศทางที่ดีมากขึ้น โดยสัญญาณที่ควรติดตามคือภาครัฐยกเลิกการกักตัวหากมาจากต่างประเทศ หากเกิดขึ้นเชื่อว่านักท่องเที่ยวต่างชาติมีโอกาสมาไทยมากยิ่งขึ้น สำหรับ SET INDEX ประเมินว่าวันนี้มีโอกาสแกว่งแดนบวกกรอบ 1635–1640 รับอานิสงส์ บวกจาก Nikkei ที่เคลื่อนไหวบวกอย่รูาว 1.6% (7.19 น.) เชิงกลยุทธ์การลงทุน การปรับตัวขึ้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงต่ำอาจใช้เป็นโอกาสทำกำไรเพิ่มการถือครองเงินสด เพื่อป้องกันความผันผวนในช่วงถัดไปจากปัจจัยเงินเฟ้อสหรัฐ ส่วน Trading ระยะสั้นแนะหุ้นได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า (HANA KCE TU)

Stock Pick

TU (ซื้อ/ราคาเป้าหมาย 25 บาท) คาดว่าผลประกอบการงวด 4Q21 ของ TU จะมีกำไรสุทธิที่ 1,960 ลบ. (+34%YoY, +1%QoQ) ได้รับผลดีต่อเนื่องจากการฟื้นตัวของธุรกิจอาหารแช่แข็ง รวมถึงธุรกิจอาหารสัตว์ที่กลับมาเติบโตดี หลังจากไตรมาสก่อนหน้าได้รับผลกระทบจากการปิดโรงงานเพราะการระบาดของโควิด

KCE (ซื้อ/ราคาเป้าหมาย 103 บาท) คาด KCE รายงานกำไรสุทธิ 4Q21 ที่ 726 ล้านบาท (+91%YoY, +17%QoQ) หนุนจากการเติบโตแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ในตลาด PCB เอเชีย มูลค่าพื้นฐานสำหรับบริษัทที่ 103 บาทอิง 38.7xPE’22 ต่ำกว่า +1SD ต่อค่าเฉลี่ย PE 5 ปี ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันสะท้อน 28.2xPE’22 บริษัทสมควรซื้อขายกันที่ค่าพรีเมี่ยม เพราะมีการเติบโตที่แข็งแกร่งจากกลุ่ม PCB ที่มีอัตรากำไรสูงขึ้น โดยเฉพาะในตลาดเอเชีย

- Advertisement -