KS Daily View 28.01.2022 >>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯและยุโรปยังคงผันผวนสูงหลังการประชุม Fed/ ทิศทางตลาดยังคงผันผวนไรทิศทาง เน้นลงทุนหุ้นกลุ่ม Value, Dividend ที่อ้างอิงการ Domestic เป็นหลัก / SET คาด 1630-40 หุ้นแนะนำ CHAYO
ตลาดต่างประเทศ: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงผันผวนสูงต่อเนื่อง S&P500 -0.54% และ Nasdaq -1.40% ตลาดยังคงอยู่ในช่วงของการปรับความคาดหวังต่อนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นอย่างมีนัยยะเมื่อเทียบปลายปีที่แล้ว โดย 2-10 spread (ส่วนต่าง Bond yield ระหว่างอายุ 10 ปีและอายุ 2 ปี) ปรับตัวลงต่อเนื่องมาอยู่ที่ 71.45 bps จากแถวระดับ 90 bps ในช่วงต้นปี แสดงถึงนักลงทุนกังวลเศรษฐกิจชะลอตัวจากแรงกดดันนโยบายการเงินเข้มงวด ถึงแม้ว่ารายงานตัวเลข GDP ไตรมาส 4 สหรัฐเบื้องต้นขยายตัว 6.9% สูงกว่าคาดและทั้งปี 2564 ตัวเลข GDP ขยายตัว 5.7% สูงสุดตั้งแต่ปี 2527 ก็ตาม ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปดัชนี Stoxx Europe 600 +0.65% โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของหุ้นรายตัว
รายงานงบของบริษัทขนาดใหญ่สหรัฐฯ Intel ปรับตัวลง 7.04% หลังกำไรต่ำกว่าที่คาด มีการเปิดเผยแนวโน้มผลประกอบการที่ย่ำแย่ของอินเทลได้ฉุดดัชนีหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิปร่วงลง 4.8% และส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นบริษัทผลิตชิปรายอื่น ๆ โดยหุ้น Qualcomm -3.47% หุ้น Micron -3.96% หุ้น NVIDIA -3.64% หุ้น AMD -7.33% ขณะที่ Tesla รายงานผลกำไร Q4/64 ดีกว่าคาดทั้งยอดขาย (+65% YoY) และกำไร สำหรับรายได้จากธุรกิจยานยนต์ซึ่งเป็นธุรกิจหลักอยู่ที่ 1.597 หมื่นล้านดอลลาร์ (สัดส่วน 90% ของรายได้รวม) พุ่งขึ้น 71% YoY อย่างไรก็ตามบริษัทเปิดเผยว่า โรงงานผลิตของบริษัทเดินเครื่องไม่เต็มกำลังมาหลายไตรมาสแล้ว อันเป็นผลจากปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งคาดว่าปัญหาชิปขาดแคลนจะดำเนินต่อไปในปีนี้และอาจส่งผลให้ไม่มีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ในปีนี้ กดดันราคาหุ้นปรับตัวลงกว่า 11% และแสดงถึงปัญหาขาดแคลนชิปยังคงดำเนินต่อไปและอาจลากยาวกว่าที่คาด
ตลาดภายในประเทศ: KBANK ชี้เศรษฐกิจไทยเพิ่งเริ่มฟื้นจากโควิด ยังไม่เหมาะใช้นโยบายการเงินตึงตัว น.ส.กฤติกา บุญสร้าง ผู้ชำนาญการงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) กล่าวว่า การแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนไม่มีผลกระทบทางเศรษฐกิจเหมือนเดลตา เนื่องจากรัฐบาลไม่ได้มีมาตรการที่เข้มงวด เช่น การล็อกดาวน์ สำหรับเศรษฐกิจไทยการส่งออกจะยังคงมีอัตราการเติบโตต่อไปแต่คาดจะขยายตัวได้แค่ 3-4% เท่านั้น ขณะที่การท่องเที่ยวต้องรอดูสถานการณ์หลังกลับมาใช้มาตรการ Test and Go อย่างไรก็ตามคาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ตามเดิม เนื่องจากมองว่าสถานการณ์เศรษฐกิจไทยยังไม่เหมาะที่ ธปท.จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตาม Fed ที่มีสถานการณ์เหมาะสมมากกว่าเพราะมีอัตราเงินเฟ้อสูง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อของไทยไม่ได้สูงมากนักอยู่ที่ 1.5%
สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนในปีนี้คาดว่าเงินบาทจะอยู่ที่ 32.00 – 32.50 บาท/ดอลลาร์ สำหรับค่าเงินบาทในปีก่อนอ่อนค่าราว 10% ซึ่งผู้ส่งออกจะต้องระมัดระวังความผันผวนที่อาจส่งผลให้เงินบาทกลับมาแข็งค่าได้ เนื่องจากขณะนี้มีเงินทุนต่างประเทศไหลเข้ามาลงทุนในตลาดพันธบัตรเป็นจำนวนมาก ซึ่งหากมีกำไรแล้ว อยากให้ปิดสถานะเพื่อลดความเสี่ยง ส่วนผู้นำเข้าก็คงต้องรออาศัยจังหวะแข็งค่าลงมาแล้วปิดสถานะ โดยในช่วงไตรมาสแรกมีความผันผวนก่อนที่เฟดจะมีนโยบายการเงินชัดเจน
ทิศทางการลงทุน
เรามองตลาดหุ้นจะยังผันผวนไร้ทิศทาง โดยรอประเมินสถาณการณ์เงินเฟ้อต่อไปก่อนรวมถึงรอความชัดเจนนโยบายการเงินของ Fed เพิ่มเติมมากกว่านี้ ดังนั้นเราแนะนำการลงทุนในกลุ่มหุ้นที่มีความทนทานต่อนโยบายการเงินเข้มงวดมากกว่าตลาดเช่นหุ้นกลุ่ม Value, Dividend ที่อ้างอิงการฟื้นตัวของ Domestic เป็นหลัก
มุมมองตลาดหุ้น SET คาด 1630-40 หุ้นแนะนำ CHAYO
Top pick:
CHAYO (ราคาพื้นฐาน 14.80 บาท) คาดโอกาสขายสินทรัพย์ NPA จะช่วยหนุนกำไรบริษัท ขณะที่ข่าวธปท. เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับสถาบันการเงิน โดยมีมาตรการส่งเสริมให้ธนาคารพาณิชย์ และบริษัทบริหารสินทรัพย์ สามารถ Joint Venture ได้. คาดว่าบริษัทจะเป็นผู้ได้ประโยชน์จากการเป็นผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรม.
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
วันศุกร์ ติดตามตัวเลข GDP 4Q21 ของเยอรมันและสเปน คาด +1.9% YoY และ +4.4% YoY ตัวเลข Personal Income ของสหรัฐฯ เดือน ธ.ค. คาด +0.5% MoM ตัวเลข Michigan Consumer Sentiment ของสหรัฐฯเดือน ม.ค. คาด 68.6 จุด (-2.8% MoM) และดัชนี PCE Price Index ของสหรัฐฯ เดือน ธค. คาด +0.4% MoM และ +5.9% YoY