บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
PTG ENERGY คาดพลิกเป็นขาดทุนใน 4Q64 แต่ฟื้นตัวในปี 2565
Action
BUY (Maintain)
TP upside (downside) +38.1%
Close Jan 27, 2022 Price (THB) 13.90
12M Target (THB) 19.20
Previous Target (THB) 22.00
What’s new?
- คาดผลประกอบการ 4Q64 พลิกเป็นขาดทุน QoQ และ YoY ที่ 153 ล้านบาท หลังได้รับแรงกดดันจากการควบคุมราคาน้ำมันดีเซลของภาครัฐ ซึ่งส่งผลให้ค่าการตลาดลดลง QoQ และ YoY
- ปรับประมาณการปี 2564-65 ลงเป็น 939 ล้านบาท และ 1,460 ล้านบาท ตามลำดับ เพื่อสะท้อนผลกระทบจากการควบคุมราคาน้ำมันดีเซลในช่วง 4Q64 – 1Q65
Our View
- ปรับราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ลงเป็น 19.20 บาท อิง PER2565 ที่ 22x เพื่อสะท้อนภาพของการฟื้นตัวของกำไรในปี 2565 มี Upside Gain +38.1%
- คงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับการลงทุนระยะเวลา 6-12 เดือน โดยในระยะสั้นราคาหุ้นมีโอกาสถูกกดดันจากผลประกอบการ 4Q64 และโอกาสในการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำของภาครัฐ นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำจึงอาจเข้าลงทุนหลังการประกาศงบ 4Q64
คาดผลประกอบการ 4Q64 พลิกเป็นขาดทุน QoQ และ YoY แต่เป็นจุดต่ำสุด
คาดผลประกอบการปกติ 4Q64 ขาดทุน 153 ล้านบาท พลิกเป็นขาดทุน QoQ และ YoY เป็นจุดต่ำสุดของปี แม้คาดปริมาณขายน้ำมัน 4Q64 ที่ 1,286 ล้านลิตร (+16% QoQ, -1% YoY) จากการฟื้นตัวหลังภาครัฐคลายมาตรการ Lockdown ในช่วงปลาย 3Q64 และเป็นช่วงเก็บเกี่ยวของภาคเกษตรกรรม ซึ่งมีการใช้น้ำมันดีเซลสูง แต่พลิกเป็นขาดทุน QoQ เนื่องจาก 1) คาดค่าการตลาดน้ำมันใน 4Q64 ที่ 1.27 บาท/ลิตร ลดลงเมื่อเทียบกับ 1.88 บาท/ลิตร ใน 3Q64 หลังได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมราคาน้ำมันดีเซล 2) คาดค่าใช้จ่าย SG&A ที่ 2,147 ล้านบาทเ พิ่มขึ้นราว 2% QoQ จากปริมาณขายที่สูงขึ้น และ 3) คาดส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่ 32 ล้านบาท ลดลง QoQ จากส่วนแบ่งกำไรที่ลดลง จาก Palm Complex ซึ่งแม้จะเป็น High Season แต่จากการที่ราคาขายและต้นทุนมีความผันผวนมากใน 4Q64 จึงส่งผลให้มีกำไรลดลง QoQ ในขณะที่การพลิกเป็นขาดทุน YoY เป็นผลจาก 1) ปริมาณขายที่ลดลง YoY 2) ค่าการตลาดที่ลดลงจาก 1.94 บาท/ลิตรใน 4Q63 3) ค่าใช้จ่าย SG&A ที่สูงขึ้นราว 2% YoY จากการขยายจำนวนสถานีบริการเพิ่มเติม และ 4) ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่ลดลงจาก 166 ล้านบาทใน 4Q63
ปรับประมาณการปี 2564-65 ลง หลังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันโลก
จากผลประกอบการที่พลิกเป็นขาดทุน QoQ และ YoY กอปรกับราคาน้ำมันโลกที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง เราจึงปรับประมาณการปี 2564 ลงราว -39% เป็น 939 ล้านบาท (-49% YoY) หลังได้รับผลกระทบจากการควบคุมราคาน้ำมันดีเซลของภาครัฐใน 4Q64 โดยเราคาดค่าการตลาดเฉลี่ยทั้งปี 2564 ที่ 1.73 บาท/ลิตร และสำหรับประมาณการปี 2565 เราปรับลงราว -21% เป็น 1,460 ล้านบาท (+56% YoY) เนื่องจากระดับราคาน้ำมันโลกที่อยู่ในระดับสูงในช่วง 1Q65 จะเป็นปัจจัยกดดันค่าการตลาดน้ำมันในช่วง 1Q65 อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ เริ่มมีการปรับราคาน้ำมันให้สอดคล้องกับราคาต้นทุนมากขึ้น เราจึงมองว่าผลกระทบจะน้อยกว่า 4Q64 โดยเราคาดค่าการตลาดน้ำมันในปี 2555 ที่ 179 บาท/ลิตร นอกจากนี้ปี 2565 จะเป็นปีแรกที่ธุรกิจ F&B ของบริษัทฯ พลิกกลับมาเป็นกำไร เราจึงมองว่าผลประกอบการของ PTG จะสามารถฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง และกลับมาอยู่ในระดับปกติในปี 2566
ปรับราคาเหมาะสมลงเป็น 19.20 บาท/หุ้น
เราปรับราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ลงเป็น 19.20 บาท/หุ้น โดยอิง PER65 ที่ 22x (ค่าเฉลี่ย Forward PER ย้อนหลัง 3 ปี +1SD และเทียบเท่า PEG 0.9x) เพื่อสะท้อนการฟื้นตัวหลังบริษัทได้รับแรงกดดันในระยะสั้นจากราคาน้ำมันโลกที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง มี Upside 38.1% นอกจากนี้ PTG มีปัจจัยเฉพาะตัว คือ การเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน (คาดมีความชัดเจนใน 1Q65) และการนำธุรกิจ LPG เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (คาดมีความชัดเจนมากขึ้นใน 1H65) เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับการลงทุนระยะเวลา 6-12 เดือน โดยในระยะสั้นราคาหุ้นมีโอกาสถูกกดดันจากผลประกอบการ 4Q64 และความเป็นไปได้ในการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำจากภาครัฐ นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำอาจเลือกเข้าลงทุนหลังการประกาศผลประกอบการ 4Q64