บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):

PTT Exploration and Production (PTTEP.BK / PTTEP TB)* ความไม่แน่นอนของโครงการ Yadana ในพม่า

Event

เรามีมุมมองเป็นกลางหลังเข้าร่วมการประชุมนักวิเคราะห์ 4Q64

Impact

คาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักจะดีขึ้นใน 1Q65F

เราคาดว่ากําไรจากธุรกิจหลักของ PTTEP จะเพิ่มขึ้น QoQ ใน 1Q65 จากปริมาณยอดขายที่เพิ่มขึ้น ราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น (ASP) และต้นทุนต่อหน่วยลดลง โดยบริษัทคาดว่าปริมาณยอดขายจะเพิ่มขึ้น 4%QoQ เป็น 436KBOED ใน 1Q65 โดยเฉพาะจากโครงการในอ่าวไทย เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจของไทยฟื้นตัวขึ้น และผ่านหน้ามรสุมไปแล้ว นอกจากนี้เรายังคาดว่า ASP ของ PTTEP จะฟื้นตัวขึ้น QoQ 1Q65 เนื่องจากคาดว่าราคาขายก๊าซจะเพิ่มขึ้น 3%QoQ เป็น US$ 6.0/mmbtu ในขณะที่ราคาขายผลิตภัณฑ์ที่เป็นของเหลวน่าจะเพิ่มขึ้น QoQ เช่นกัน ตามราคาน้ำมันดิบดูไบที่เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ US$ 82/bbl ในเดือนมกราคม (+5% จาก US$ 78/bb1 ใน 4Q64) นอกจากนี้เรายังคาดว่าต้นทุนต่อหน่วยจะลดลง QoQ เหลือ US$ 27-28/BOE ใน 1Q65 จาก US$ 29.5/BOE เนื่องจากค่าใช้จ่าย SG&A ในไตรมาสที่สี่มักจะสูงกว่าไตรมาสอื่นๆ เพราะมีการจ่ายโบนัสพนักงาน

บริษัทน้ำมันขนาดใหญ่แห่งหนึ่งจะออกจากโครงการ Yadana

จากสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในพม่าทำให้ TotalEnergies ตัดสินใจถอนการลงทุนออกจากโครงการ Yadana ในขณะที่ Chevron กำลังพิจารณาถอนการลงทุนตามไปด้วย ในขณะที่โครงการ Yadana มี 4 แท่นการผลิต และ 23 หลุมผลิต ซึ่งผลิตก๊าซได้ประมาณ 800mmscfd โดยอุปทานก๊าซจากแหล่ง Yadana มีความสำคัญมากกับการผลิตไฟฟ้าทั้งในไทยและพม่า เพราะการประมาณ 550mmscfd จากแหล่งนี้ถูกป้อนให้กับโรงไฟฟ้าในภาคตะวันตกของไทย และส่วนที่เหลือใช้ผลิตไฟฟ้าคิดเป็นประมาณ 50% ของการผลิตไฟฟ้าทั้งหมดในเมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า ทั้งนี้ TotalEnergies (มีฐานะเป็นผู้ดำเนินโครงการ) เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของโครงการ Yadana ซึ่งถือหุ้น 31.2% ในขณะเดียวกัน Chevron ถือหุ้น 28.3%, PTTEP ถือหุ้น 25.5% และ Myanmar Oil and Gas Enterprise (MOGE) ถือหุ้น 15% ทั้งนี้ตามข้อตกลงที่ทํากันไว้ ถ้าหากมีผู้ถือหุ้นรายใดถอนการลงทุนออกไปพันธมิตรที่เหลือจะแบ่งหุ้นกันตามสัดส่วนการถือหุ้น เว้นแต่จะมีการโต้แย้งการจัดสรรดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตาม TotalEnergies ยืนยันที่จะทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินโครงการต่อไปอีกหกเดือน เพื่อให้การถ่ายโอนเป็นไปอย่างราบรื่น

เริ่มเห็นสัญญาณที่ไม่ดีจากประเทศในโลกตะวันตกต่อสถานการณ์ปัจจุบันในพม่า

ในช่วงปี 2533-2555 สหรัฐได้ใช้มาตรการคว่ำบาตรประเทศพม่า แต่โครงการ Yadana ได้รับการอนุมัติ grandfather clause จากรัฐบาลสหรัฐเพื่อเปิดทางให้สามารถเข้าทำธุรกรรมทางการเงิน และการดำเนินการผลิตได้ตามปกติ หลังจากที่บริษัทอเมริกันที่เป็นพันธมิตรร่วมในโครงการ (Chevron) ต่อรองกับรัฐบาลสหรัฐในแง่มุมความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเกี่ยวกับความมั่นคงพลังงานในพม่า นอกจากนี้ TotalEnergies ในครั้งนั้นไม่ได้ประกาศถอนการลงทุนจากโครงการ Yadana เหมือนที่ทำในปีนี้ ในขณะเดียวกัน Chevron กำลังพิจารณาจะถอนการลงทุนด้วย เรามองว่ากรณีที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นสัญญาณเบื้องต้นว่าสหรัฐฯและ EU อาจจะเพิ่มแรงกดดันต่อพม่าในอนาคต ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อโครงการของ PTTEP ในพม่า ทั้งนี้ เราคาดว่าผลผลิตของ PTTEP จากโครงการในพม่าอยู่ที่ประมาณ 40KBOED หรือคิดเป็น 8.6% ของประมาณการยอดขายรวมในปี 2565

Valuation & action

เรายังคงคําแนะนําซื้อ และคงราคาเป้าหมาย DCF ปี 2565 เอาไว้ที่ 145.00 บาท โดยใช้ WACC ที่ 9.3% และ terminal growth 1.0% เราเชื่อว่าราคาหุ้นจะได้แรงหนุนในระยะสั้นจาก i) กําไรจากธุรกิจหลักที่คาดว่าจะดีขึ้นใน 1Q65 และ ii) ราคาน้ำมันดิบที่สูงเกิน US$ 85/bbl ในปัจจุบันจากความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ของโลก  แต่อย่างไรก็ตาม เรามีความเป็นห่วงมากขึ้นกับกรณีที่ TotalEnergies ถอนการลงทุนออกจากโครงการ Yadana ในพม่า

Risks ความผันผวนของราคาน้ำมันดิบและราคาก๊าซ รวมถึงความเสี่ยงจากการที่ประเทศในซีกโลกตะวันตกจะใช้มาตรการคว่ำบาตรประเทศพม่า

- Advertisement -