SUPER ไฟเขียวส่งบริษัทย่อย “ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี่ กรุ๊ป (ฮ่องกง)” ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นจำนวน 49% ของ Solar NT ให้กับ ACEV มูลค่ากว่า 165 ล้านเหรียญสหรัฐ ดำเนินกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศเวียดนาม ระบุเป็นการสร้าง Strategic Partner กับยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานทดแทนในฟิลิปปินส์ ปูทางสู่การร่วมพัฒนาธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในกลุ่มประเทศอาเซียนในอนาคต

 

นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER  เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้ บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี่ กรุ๊ป (ฮ่องกง) จำกัด (SEG HK) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท เข้าลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้น (แบบมีเงื่อนไขบังคับก่อน) ในสัดส่วน 49% ของ SOLAR NT HOLDINGS PTE. LTD. (Solar NT) ให้กับ AC ENERGY VIETNAM INVESTMENTS PTE. LTD. (ACEV) มูลค่ารายการประมาณ 165 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่ง SUPER และ ACEV จะถือหุ้นร่วมกันในบริษัท ซึ่งดำเนินกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศเวียดนามในสัดส่วน 51% และ 49% ตามลำดับ

ทั้งนี้ ACEV เป็นบริษัทลงทุนในเครือของ AC ENERGY CORPORATION ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนชั้นนำทางด้านธุรกิจพลังงานทดแทนจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฟิลิปปินส์ และเป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจหลักของ AYALA GROUP ประเทศฟิลิปปินส์

ขณะที่ Solar NT เป็นบริษัทที่ดำเนินกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศเวียดนาม โดย Solar NT อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างกลุ่มบริษัท ซึ่งภายหลังการปรับโครงสร้างแล้วเสร็จ Solar NT จะมีบริษัทย่อยทั้งทางตรงและทางอ้อมที่ดำเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศเวียดนาม จำนวน 9 โครงการ กำลังการผลิตรวมประมาณ 837 เมกะวัตต์ และได้ดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์เป็นที่เรียบร้อยแล้วทั้ง 9 โครงการ

สำหรับการจำหน่ายหุ้นในครั้งนี้ เป็นประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ (Strategic Partner) และเป็นการร่วมกันพัฒนาธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในกลุ่มประเทศอาเซียน (ไม่รวมประเทศไทย) ในระยะยาว โดย SEG HK ได้ดำเนินการเข้าลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นกับ ACEV เป็นที่เรียบร้อยเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2565 โดยในการดำเนินการหาผู้ร่วมลงทุนในครั้งนี้ มีธนาคารกรุงศรีอยุธยา เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และบริษัท เบเคอร์ แอนด์ แม็คเค็นซี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางกฏหมาย”

“การลงนามในครั้งนี้ เป็นการแสดงเจตนารมณ์ที่เป็นรูปธรรม เพื่อแสวงหาโอกาสในการสร้างความร่วมมือที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต เปิดกว้างในการขยายการลงทุนและยังเป็นการพัฒนาธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในกลุ่มประเทศอาเซียนอีกด้วย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการสร้างรายได้เพิ่มอย่างต่อเนื่องในอนาคต” นายจอมทรัพย์ กล่าว

*********

- Advertisement -