บล.ทรีนีตี้

ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล – MINT

Omicron ทําสะดุดเพียงแค่ชั่วคราว และปี 2565 คาดฟื้นตัวได้แข็งแกร่ง

  •  คาดรายงานขาดทุนสุทธิ 4Q64 ที่ 1.66 พันล้านบาท จากที่ขาดทุนสุทธิ 436 ล้านบาทใน 3Q64 และจากที่ขาดทุนสุทธิ 5.6 พันล้านบาทใน 4Q63
  • คาดปี 2564 ขาดทุนสุทธิที่ 1.33 หมื่นล้านบาท และจะสามารถกลับเป็นกำไรในปี 2565 ที่ 1.89 พันล้านบาท  จากการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งของกลุ่มโรงแรมในยุโรป
  • การกลับใช้มาตรการ Test and Go จะส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศพื้นตัว ในขณะที่การใช้ชีวิตในยุโรปเริ่มกลับมาเป็นปกติ และให้น้ำหนักการระบาดของ Omicron ลดลง
  • แนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 39.90 บาท โดยวิธี SOTP

4Q64 Earnings Preview

  • คาดรายงานขาดทุนสุทธิที่ 1.66 พันล้านบาท ฟื้นตัวจากที่ขาดทุนจากการดำเนินงานปกติ 2.4 พันล้านบาทใน 3Q64 และจากที่ขาดทุนสุทธิ 5.6 พันล้านบาทใน 4Q63 คาดรายได้รวมใน 4Q64 ที่ 2.26 หมื่นล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 16% QoQ และ 72%YoY
  • รายได้จากกลุ่มโรงแรมในยุโรปและ Maldives ฟื้นตัวได้ดีขึ้นทั้ง QoQ และ YoY แม้ว่าจะมีสะดุดเล็กน้อยในช่วงเดือนธ.ค. 2564 จากการระบาดของ Omicron ในขณะที่การฟื้นตัว QoQ ของโรงแรมในประเทศมาจากฐานที่ต่ำจากผลกระทบของการ Lockdown
  • คาดอัตราการเข้าพักใน 4Q64 อยู่ที่ 50% ฟื้นตัวจาก 3Q64 ที่ 46% และจาก 4Q63 ที่ 23% โดยที่โรงแรมในยุโรปคาดว่ามีอัตราการเข้าพักที่ 60% จาก 49% ใน 3Q64 และ Maldives มีอัตราการเข้าพักที่ 65% จาก 55% ใน 3Q64 ในขณะที่อัตราเข้าพักในประเทศไทยอยู่ที่ 23% จากระดับ 17% ใน 3Q64 ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการ Lockdown ในประเทศ
  • กลุ่มร้านอาหารคาด SSSG ทั้งระบบจะติดลบที่ราว 3% YoY โดยที่ประเทศไทยฟื้นตัวได้ดีจากฐานที่ต่ำในช่วง 3Q64 จากมาตรการห้าม Dine In แต่จีนและออสเตรเลียคาดติดลบกว่า 10% YoY

การฟื้นตัวสะดุดเล็กน้อยจาก Omicron

ปรับคาดการณ์ขาดทุนสุทธิปี 2564 ลงจาก 1.66 หมื่นล้านบาท เป็น 1.33 หมื่นล้านบาท และปรับคาดการณ์รายได้ปี 2565 ขึ้น 4% เป็น 9.68 หมื่นล้านบาท และปรับกำไรสุทธิขึ้น 10% เป็น 1.89 พันล้านบาท โดยที่ในเดือนธ.ค. 2564 โรงแรมในยุโรปได้รับผลกระทบจากการระบาดของ Omicron ส่งผลให้การเดินทางระหว่างประเทศลดลงเล็กน้อย แต่ใน 1Q65 คาดว่าจะเห็นผลกระทบของ Omicron ที่ลดลง และเริ่มเห็นการเดินทางที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้เราคาดว่ารายได้จากกลุ่มโรงแรมจะฟื้นตัวได้เร็วขึ้น ในขณะที่ประเทศไทยได้กลับมาใช้ระบบ Test and Go เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2565 และการท่องเที่ยวในประเทศเริ่มฟื้นตัวจากช่วงเดือนธ.ค. 2564 ส่งผลให้เราคาดว่าทั้งกลุ่มโรงแรมและร้านอาหารในประเทศจะค่อยๆ ฟื้นตัวต่อเนื่อง

ปรับคำแนะนำจาก “Trading” เป็น “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายใหม่ 39.90 บาท

เราปรับคำแนะนำขึ้นจาก “Trading” เป็น “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายใหม่ 39.90 บาท (จาก 36.70 บาท) จากการอิงผลประกอบการปี 2565 เนื่องจาก MINT มีการกระจายรายได้ในต่างประเทศทั่วโลก และคาดผลการดำเนินงานจากกลุ่ม NH Hotel จะมีการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในช่วง 2Q65 ที่เข้าสู่ High Season และมองว่าผลประกอบการของ MINT จะฟื้นตัวได้เร็วกว่ากลุ่ม เราจึงแนะนํา “ซื้อ”

ความเสี่ยง:

  • จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
  • ความผันผวนของค่าเงิน
  • ภาคการบริโภคไม่ฟื้นตัว
  • ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
  • การลงทุนที่ไม่ได้อยู่ในแผน
  • ผลกระทบของ COVID-19 ที่ยาวนาน
- Advertisement -