RICHY เตรียมเสนอขายหุ้นกู้มีประกัน 2 ชุด มูลค่ารวมไม่เกิน 875 ล้านบาท โดยชุดที่ 1 หุ้นกู้อายุ 1ปี 9 เดือน ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2566 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 6.8% ต่อปี ชุดที่ 2 หุ้นกู้อายุ 2 ปี 6 เดือน ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2567 มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ 7.1% ต่อปี สนอขายให้กับผู้ลงทุนสถาบัน และผู้ลงทุนรายใหญ่ แผนแผนงานหลังการระดมทุน นำเงินที่ได้ไปใช้เป็นทุนหมุนเวียน รวมทั้งชำระคืนหุ้นกู้ที่ครบกำหนด มั่นใจช่วยเพิ่มศักยภาพฐานทุนให้แข็งแกร่งเพิ่มขึ้น ผลักดันผลงานในปีนี้เติบโตระดับ 65% จากปีก่อน
ดร.อาภา อรรถบูรณ์วงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ริชี่ เพลซ 2002 จำกัด (มหาชน) หรือ RICHY เปิดเผยว่า บริษัทได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อออกและเสนอขายหุ้นกู้มีประกันของบริษัท ครั้งที่ 1/65 ซึ่งมีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนด จำนวน 2 ชุด มูลค่ารวมไม่เกิน 875 ล้านบาท ประกอบด้วย ชุดที่ 1 หุ้นกู้อายุ 1ปี 9 เดือน ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2566 มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ 6.8% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ และชุดที่ 2 หุ้นกู้อายุ 2 ปี 6 เดือน ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2567 มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ 7.1% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้
ทั้งนี้ หุ้นกู้ดังกล่าว จะเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ ในระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ และวันที่ 1-2 มีนาคม 2565 โดยเสนอขายผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้ำ (ประเทศไทย) บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย ซิมิโก้ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด บริษัทหลักทรัพย์ เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) บริษัทหลักทรัพย์บียอนด์ และบริษัทหลักทรัพย์ สยามเวลธ์
สำหรับวัตถุประสงค์นำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้ เพื่อใช้ชำระคืนหุ้นกู้ ที่จะครบกำหนดวันที่ 18 มีนาคม 2565 จำนวน 874.87 ล้านบาท โดยส่วนที่เหลือจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
“มั่นใจว่า หุ้นกู้ของ RICHY จะได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดี เนื่องจากที่ผ่านมา บริษัทมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีศักยภาพในการทำกำไรทุกปี แม้จะอยู่ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังสามารถรักษาการเติบโตได้ดี และการระดมทุนในครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มศักยภาพฐานทุนให้มีความแข็งแกร่ง ผลักดันการเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน”
ขณะที่แผนการดำเนินธุรกิจในปี 2565 วางเป้าหมายรายได้รวมจะเติบโตเพิ่มขึ้นระดับ 65% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดย ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2564 บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือมูลค่ารวม 3,423.25 ล้านบาท จะทยอยรับรู้ตั้งแต่ปี 2565-67
นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าหมายยอดขาย (Presale) ในปี 2565 ไว้ที่ 4,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีก่อน โดยในปีนี้บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 4 โครงการ มูลค่าโครงการ 6,025 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการประเภทแนวราบ จำนวน 2 โครงการ มูลค่าโครงการ 524 ล้านบาท เป็นโครงการทาวน์โฮม 2 ชั้น สไตล์ยูโรเปี้ยน จำนวน 131 ยูนิต และโครงการริชตัน ดอนเมือง เพิ่มสิน มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท เป็นโครงการทาวน์โฮม 2 ชั้น จำนวน 163 ยูนิต ส่วนอีก 2 โครงการ เป็นโครงการประเภทอนโดมิเนียม ในทำเลพระราม 9 จำนวน 1 โครงการ และอีก 1 โครงการ ยังอยู่ระหว่างพิจารณา โดยจะทยอยเปิดตัวตามสถานการณ์ในอนาคต
*******