Our View? ”Risk-off”

คาดตลาดวันนี้ “Sideway/ Down” มองแนวรับที่บริเวณ 1,685 / 1,675 แนวต้านที่บริเวณ 1,780 / 1,715 เรามองตลาดยังคงได้รับจิตวิทยาเชิงลบจากตลาดต่างประเทศ ในประเด็นแนวโน้มการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) หลังตัวเลข CPI ที่เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อตัวสาคัญของ FED เร่งตัวขึ้นแรงกว่า +7.5% YoY ในเดือน ม.ค. สูงสุดในรอบ 40 ปี ขณะที่สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา CME FED Watch Tools สะท้อนนักลงทุนให้น้าหนักกว่า 94% ที่ FED จะขึ้นดอกเบี้ยในเดือน มี.ค. นี้ ถึง 50 BPS และจะขึ้นต่อเนื่องครั้งละ 25 BPS ในแต่ละครั้งของการประชุม FOMC ในปีนี้ ซึ่งทำให้ในช่วงปลายปีนี้ดอกเบี้ยของสหรัฐจะขึ้นไปเตะระดับ 175-200 BPS คาดจะยังเป็นจิตวิทยาเชิงลบต่อการลงทุน จำกัดการปรับตัวข้ึนของตลาดได้อยู่

ขณะที่ความตึงเครียดในวิกฤตยูเครนเร่ิมกลับมาเป็น Noise รบกวนตลาดทุนให้อยู่ในภาวะ Risk- off อีกครั้ง หลังการหารือกันระหว่าง ปธน.โจ ไบเดน และ ปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน ไม่มีความคืบหน้า อีกทั้งท่ีปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐเตือนรัสเซียอาจจะเริ่มบุกยูเครนในเร็วๆ นี้ หลังรัสเซียมีกองกำลังทหารกว่า 1 แสนคนใกล้พรมแดนยูเครน คาดจะกดดัน-จำกัด Upside การฟื้นตัวของทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยง แต่มองเป็นปัจจัยเชิงบวกต่อทิศทางราคาน้ำมันดิบให้สามารถทรงตัว-ปรับตัวข้ึนได้ต่อในระยะสั้น โดยล่าสุดราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน มี.ค. เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่อีกคร้ังปิดที่ระดับ 93.10 ดอลลาร์/บาร์เรล +3.22 ดอลลาร์ (+3.58%) คาดจะหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงาน-ปิโตร เคมีปรับตัวขึ้นช่วยประคองตลาดหุ้นไทยได้

สำหรับปัจจัยภายในประเทศ เรายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการที่นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทยต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ต้นปีน้ีซื้อไปแล้วกว่า 5.80 หมื่นล้านบาท แม้จะเผชิญความกังวลจากการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของ FED ก็ตาม เราคาดจะยังหนุนหุ้นในกลุ่ม BIG Cap. ปรับตัวขึ้นได้ต่อ

อย่างไรก็ตาม เราเริ่มเห็นจำนวนสถานะคงค้างของ SET50 Index Futures วันศุกร์ที่ผ่านมาเริ่มลดลงเป็นวันแรกตั้งแต่ช่วง ก.พ. น้ี โดยลดลงสู่ระดับ 5.33 แสนสัญญา จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 5.43 แสนสัญญา คาดเป็นปัจจัยบ่งชี้แนวโน้มการเผชิญแรงขายทำกำไรของตลาดหุ้นไทย หลังเร่งตัวขึ้นแรงในช่วงก่อนหน้าได้

ทั้งนี้เรายังแนะนำให้ทยอยซื้อสะสมหุ้นในกลุ่มค้าปลีก (MAKRO, CPALL, BJC, HMPRO, GLOBAL) ที่เริ่มกลับมามีความน่าสนใจอีกครั้งหลัง Valuation ในปัจจุบันยังอยู่ในระดับต่ำ โดย Price/Sale ของกลุ่มอยู่ที่ระดับ 0.84 เท่า หรืออยู่ที่บริเวณ -3 S.D. จากค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีที่ระดับ 1.2 เท่า อีกทั้งคาดผลประกอบการของหุ้นในกลุ่มค้าปลีกจะเริ่มทยอยกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้งหลังเศรษฐกิจไทยผ่านพ้นวิกฤต COVID-19 และผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วง 3Q’64 ขณะที่หุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว-โรงแรม โรงแรม (AOT,AWC, CENTEL, ERW และ MINT) คาดอาจเห็นแรงเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้นได้บ้าง หลังททท. ออกมาคาดการณ์ภาคการท่องเท่ียวไทยผ่านจุดต่ำสุดแล้วและจะสามารถฟื้นตัวขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป รวมท้ังรัฐบาลต้ังเป้าตัวเลขนักท่องเท่ียวต่างชาติท่ีระดับ 10 ล้านคนในปี’65 สูงกว่าที่เราและตลาดคาดที่ราว 6 ล้านคน ขณะที่ Valuation ในปัจจุบันยังอยู่ในระดับต่ำจาก EV/Forward EBITDA อยู่ท่ีระดับ 18.75 เท่า ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี ท่ีระดับ 56.13 เท่า

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนำวันนี้ “HMPRO”

ทยอยซื้อสะสม แนวรับ 14.70 / 14.40 Target 15.50 / 16.40 Stop <13.80

- Advertisement -