บล.เคจีไอ (ประเทศไทย): 14/02/65

ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ (รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียน : 19838)

ไซด์เวย์ น่าจะแข็งแกร่งกว่าตลาดหุ้นโลก

ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันจันทร์ เทรดในกรอบแคบๆ… หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ตลาดหุ้นไทยปิดลบเล็กน้อย รับปัจจัยลบจากต่างประเทศ หลังเงินเฟ้อสหรัฐฯ พุ่งแรงและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดสนับสนุนให้มีการประชุมฉุกเฉินเพื่อปรับขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่ต่างชาติยังเข้าซื้อสุทธิต่อเนื่อง ช่วยจำกัดทางลงของตลาดเอาไว้ ขณะที่ในวันนี้ ปัจจัยโดยรวมต่อตลาดหุ้นเป็นกลางลบเล็กน้อย i) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์รวมทั้งตลาดหุ้นเอเชียเช้าวันนี้ปรับลงค่อนข้างแรง สะท้อนความกังวลต่อสถานการณ์ในยูเครน หลังจากสหรัฐฯ และอังกฤษถอนทหารออกจากยูเครนและลดจำนวนนักการทูตลงมาอยู่ในระดับต่ำสุด เนื่องจากมองว่ามีความเสี่ยงสูงขึ้นอีกว่ารัสเซียจะใช้กำลังทหารกับยูเครน ซึ่งประเด็นดังกล่าวหนุนให้ราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่ง 4.3% และน่าจะหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานในวันนี้ ii) ธ.กลางสหรัฐฯ (เฟด) นัดประชุมพิเศษในวันนี้ เพื่อถกประเด็นเศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐฯ ซึ่งน่าติดตามว่าจะมีการประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ยนอกรอบประชุม FOMC หรือไม่… ด้านปัจจัยภายในประเทศเช้าวันนี้ ศบค. รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 อยู่ที่ 14,900 ราย เสียชีวิต 26 ราย และหายป่วยกลับบ้าน 9,810 ราย ขณะที่ปัจจัยการเมืองนั้น วันนี้ กกต. จะพิจารณาลงมติว่าการที่พรรคพลังประชารัฐฯ ขับ ส.ส. กลุ่ม ธรรมนัส พรหมเผ่า” นั้นขัดต่อกฎหมายหรือไม่

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน (สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียน : 28668)

เก็งกำไร PTT*, MAKRO, TTB*

  • PTT* (เป้าพื้นฐาน 55 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 40 บาท / แนวต้าน 41 – 42.5 บาท หากผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 44 บาท (Stop loss 39.5 บาท) 2) ประเมิน Sentiment บวกจาก i) แนวโน้มผลการดำเนินงาน 4Q64 โต YoY, QoQ โดยเฉพาะธุรกิจน้ำมันและโรงกลั่นที่คาดจะดีขึ้นตามแนวโน้มราคาน้ำมัน ii) เริ่มการลงทุน JV กับ Foxconn เพื่อสร้างโรงงานผลิตรถ EV ในไทย (คาดเริ่มผลิตเพื่อขายเชิงพาณิชย์ได้ในต้นปี 2567) ลุ้นที่ประชุม ครม. อนุมัติมาตรการสนับสนุนธุรกิจอีวีเร็วๆนี้ 3) ฝ่ายวิจัยฯประเมินปันผลปี 2564 = 2.23 บาทต่อหุ้น (คาดส่วนที่เหลือของปี 2564 อีกราว +1 บาทต่อหุ้น Yield 2.5%) และคาดปันผลปี 2565 อีก 2.3 บาทต่อหุ้น Yield 5.7%)
  • MAKRO (เป้า Consensus 48.96 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 41 บาท / แนวต้าน 42.5 – 45.0 บาท (Stop loss 40 บาท) 2) ประเมินเป็นหุ้น Laggard กลุ่มค้าปลีก ขณะที่ Consensus คาดกำไรปี 2565 จะเติบโต +79% YoY (EPS +37% YoY) จากการรวมผลการดำเนินงาน Lotus เข้ามา และการฟื้นตัวของการบริโภค (โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว ร้านอาหาร) และคาดภาวะเงินเฟ้อในหมวดอาหารปัจจุบันเป็นบวกกับยอดขายโดยรวมของ MAKRO 3) Forward PE ปี 2565 คาดจะลดลงเหลือ 35.4 เท่า (ลดลงจาก Forward PE อิง EPS 2564 ที่ 44 เท่า)
  • TTB* (เป้าพื้นฐาน 1.6 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 1.40 บาท / แนวต้าน 1.47 – 1.50 บาท (Stop loss 1.34 บาท) 2) ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจฟื้นตัว + อัตราดอกเบี้ยผ่านจุดต่ำสุดเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร ขณะที่ราคาหุ้น TTB Laggard หุ้นธนาคารอื่นๆ 3) Valuation ไม่แพง PBV 0.66 เท่า และคาดปันผล 0.05 บาท/หุ้น (Yield 3.5%)

หุ้นมีข่าว

(+) NETBAY ปั้นหุ่นยนต์ป้อนรพ. ลูกสมาร์ทฟาร์มเฮลธ์เทค (ทันหุ้น) NETBAY เตรียมให้บริการเช่าหุ่นยนต์ในโรงพยาบาลรัฐและเอกชน ตั้งเป้า 500 เครื่อง ภายใน 5 ปี เชื่อหนุนรายได้-กำไรทะยาน ฟากผู้บริหารส่งซิกผลงานเดือนแรกสดใส โตทุกเซ็กเตอร์ ตั้งเป้ารายได้ปีขาลพุ่งขึ้น 10-15% ใส่เกียร์รุกเทคโนโลยีสมาร์ทฟาร์ม และเฮลธ์เทคเต็มที่

(+) BAM* คาดปิดดีล JV ครึ่งแรกปีนี้ แผนซื้อหนี้ 9 พันลบ.เข้าพอร์ต (ทันหุ้น) BAM* แย้มธนาคารพาณิชย์ส่งพอร์ต NPL, NPA มาให้พิจารณาแล้ว 1 แห่ง มั่นใจครึ่งแรกของปี JV ชัดเจนอย่างน้อย 1 แห่ง และยังอยู่ระหว่างเจรจากับธนาคารพาณิชย์อีก 4-5 ราย และ AMC อีก 1 ราย เฉพาะส่วนของ BAM ตั้งงบซื้อหนี้ปีนี้ 9 พันล้านบาท เดินเกมผนึกพันธมิตรเสริมแกร่ง ล่าสุดเซ็น MOU ร่วมกับไปรษณีย์ไทย ดึงพนักงานกว่า 2 หมื่นรายร่วมสำรวจทรัพย์ทั่วประเทศ

(+) TIPH เงินกองทุนปรี๊ด 253% รับมือโควิดได้ โชว์เป้าตุงเล็งซื้อกิจการเพิ่ม (ข่าวหุ้น) บมจ.ทิพย กรุ๊ปฯ (TIPH) ยันฐานะการเงินแข็งแกร่ง เงินกองทุนสูงกว่า 253% รับมือการระบาดโควิด-19 ได้ เหตุไม่มีการประกันแบบ “เจอจ่ายจบ” จ่อซื้อกิจการบริษัทประกันภัย Spin-Off อย่างน้อย 1 บริษัทในปีนี้

(+) YGG จ่อย้ายเทรด SET กลางปีนี้ พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจสู่ต้นน้ำมากขึ้น (ข่าวหุ้น) YGG คาดย้ายเข้าเทรด SET กลางปีนี้ มั่นใจช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ-สร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น พร้อมก้าวสู่ธุรกิจต้นน้ำมากขึ้น ขณะที่ปี 66 หากมีการใช้สิทธิแปลง YGG-W1 เต็มจำนวน เล็งนำเงินระดมทุน 1,000 ล้านบาท ลุยลงทุนกับพันธมิตรในต่างประเทศ ย้ำ 3 ธุรกิจหลักยังเติบโต พร้อมนำเทคโนโลยีใหม่เสริมแกร่งทั้งงานโฆษณาภาพยนตร์ เกม

(+) TRT ได้ออเดอร์บียอนด์กรีน แบตเตอรี่ลิเทียมในรถกอล์ฟ (ข่าวหุ้น) “ถิรไทย” เซ็นรับออเดอร์ “แบตเตอรี่ลิเทียม” พร้อมอุปกรณ์ใช้สำหรับในรถอเนกประสงค์ (รถกอล์ฟ) จาก “บียอนด์ กรีน” มั่นใจคุณภาพสินค้ารับประกันแบตเตอรี่นานถึง 4 ปี และ “บียอนด์ กรีน” ยังได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายแบตเตอรี่ลิเทียมสำหรับรถอเนกประสงค์ให้กับ TRT แต่เพียงผู้เดียว

หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า

  • BBL* (เป้าพื้นฐาน 160 บาท) แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 141 บาท)
  • BH* (เป้าพื้นฐาน 148 บาท) แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 147 บาท)
  • ADVANC* (เป้าพื้นฐาน 262 บาท) แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 230 บาท)
  • PSH* (เป้าพื้นฐาน 16 บาท) แนวรับ 14.7 บาท / แนวต้าน 15.2 บาท หากผ่านแนวต้านนี้แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 14.5 บาท)
  • INTUCH* (เป้าพื้นฐาน 89.5 บาท) แนวรับ 77 บาท / แนวต้าน 78.5 – 79.0 บาท หากผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป 82 บาท (Stop loss 74 บาท)
  • RS* (เป้าพื้นฐาน 21 บาท) แนวรับ 18.2 บาท / แนวต้าน 19.5 – 19.7 บาท (Stop loss 18 บาท)
  • SHR (เป้าพื้นฐาน 4.8 บาท) แนวรับ 3.36 บาท / แนวต้าน 3.5 – 3.6 บาท (Stop loss 3.34 บาท)
  • WHA* (เป้าพื้นฐาน 4.1 บาท) แนวรับ 3.5 บาท / แนวต้าน 3.56 – 3.62 บาท (Stop loss 3.46 บาท)

Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้

  • ESSO แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 11.2 บาท ฝ่ายวิจัยฯคาดกำไร 4Q64 = 1.2 พันล้านบาท (+168% YoY, +2,402% QoQ) กำไรที่ดีขึ้น YoY, QoQ คาดเป็นผลจากค่าการกลั่นที่ดีขึ้น และคาดมีกำไรสต๊อก ยังคงแนะนำ “ซื้อ” โดยประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานหลักปีนี้จะโตเด่น YoY ผลจากค่าการกลั่นฟื้นตัว
  • RBF แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 26.5 บาท ฝ่ายวิจัยฯคาดกำไร 4Q64 = 124 ล้านบาท (+1% YoY, -7% QoQ) โดยอัตรากำไรขั้นต้นเริ่มได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่ปรับขึ้น ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยฯยังประเมินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกัญชงที่เริ่มในปีนี้จะหนุนผลการดำเนินงานของ RBF ให้เติบโตจึงยังคงแนะนำ “ซื้อ”
- Advertisement -