บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

Action

TRADING (Downgrade)

TP upside (downside) +7.9%

Close Feb 11, 2022 Price (THB) 50.50

12M Target (THB) 54.50

Previous Target (THB) 40.75

What’s new?

  • คาดกำไรปกติ 4Q64 ที่ 2,461 ลบ. (+7.3% QoQ, +98.5% YoY) ทำ New High อย่างต่อเนื่องจาก 1) High Season ของ BKR2 2) รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH เป็นไตรมาสแรก 3) การ COD ของ GSRC หน่วยที่ 2 4) กลุ่มลูกค้า IU ที่มีการใช้ไฟมากขึ้น QoQ จากการคลาย Lockdown 5) การรับซื้อไฟฟ้าจากโรง IPP ของ EGAT ที่สูงขึ้น QoQ จากที่ชะลอไปใน 3Q64 และ 6) โรงไฟฟ้าโซลาร์ในเวียดนามควรมีรายได้สูงขึ้นหลังการคลาย Lockdown

Our View

  • มีโครงการอีกมากที่เรายังไม่ได้รวมไว้ในประมาณการ เช่นการทํา Exchange ร่วมกับ Binance และ Data Center ร่วมกับ ADVANC และ Singtel รวมถึงโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนอื่นๆ ซึ่งจะเป็น Upside Risk ให้กับประมาณการ
  • ปรับราคาเหมาะสมขึ้นเป็น 54.50 บาท (อิง SOTP) มี Upside เพียง 7.9% จึงปรับลดคำแนะนำลงเป็น TRADING

GULF ENERGY DEVELOPMENT ยังโตได้อีกมาก … แต่ต้องรอ Upside จากโครงการใหม่

4Q64 มีโอกาสสูงที่จะทำ New high

เราคาดว่ากำไรปกติของ GULF ใน 4Q64 มีโอกาสเติบโตต่อจาก 3Q64 ที่ทำ New high ไปแล้ว เนื่องจาก 1) High season ของ BKR2 ซึ่งในช่วงเดือน พ.ย. แรงลมค่อนข้างดีมาก 2) การรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH เป็นไตรมาสแรก Yuanta คาดกำไรของ INTUCH ใน 4Q64 ที่ราว 2,800 ลบ. เราคาด GULF จะรับรู้ส่วนแบ่งกำไร 1,183 ลบ. 3) GSRC (โรงไฟฟ้า IPP) หน่วยที่ 2 เริ่ม COD ตามแผนในวันที่ 1 ต.ค. อีก 464 MWe 4) ลูกค้า IU มีการใช้ไฟเพิ่มขึ้น QoQ หลังการคลาย Lockdown 3) การรับซื้อไฟฟ้าจากโรง IPP ของ EGAT คาดว่าจะเพิ่มขึ้น QoQ จากที่ชะลอไปใน 3Q64 และ 4) โรงไฟฟ้าโซลาร์ในเวียดนามควรมีรายได้สูงขึ้น QoQ จากการคลาย Lockdown เราคาดรายได้หลักที่ 14,284 ลบ. (+20.0%QoQ, +53.4%YoY) คาดกำไรปกติ 4Q64 ทำระดับสูงสุดใหม่ที่ 2,461 ลบ. (+7.3%QoQ, +98.5%YoY)

ยังลงทุนได้อีกแสนล้าน… โครงการระหว่างศึกษาอีกมาก

โครงการที่ประกาศไปแล้วและยังไม่รวมในประมาณการ เช่น โครงการลงทุนตลาดซื้อขายสินทรัพย์ดิจิตัลกับ Binance โครงการ Data Center ร่วมกับ ADVANC และ Singtel โครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชนขนาด 9.5MW โครงการ และโครงการเขื่อนใน สปป. ลาว ซึ่งเป็นโครงการเขื่อนขนาดใหญ่ 2 โครงการคือ Pak Lay ขนาด 770MW ที่มีการลงนาม MOU ราคารับซื้อไฟกับ EGAT แล้ว และคาดจะลงนามใน PPA ภายในปีนี้ ขณะที่ Pak Beng ขนาด 912MW คาดว่าจะลงนาม MOU ราคารับซื้อไฟกับ EGAT ได้ภายใน 1Q65 และลงนามใน PPA ได้ภายในปีนี้เช่นกัน นอกจากนี้โครงการพลังงานหมุนเวียนในต่างประเทศที่อยู่ระหว่างกำลังศึกษา และคาดว่าจะมีความชัดเจนภายใน 1H65 ราว 1,000MW ล้วนแต่เป็น Upside risk ต่อประมาณการ ซึ่ง GULF ผ่านการเพิ่มทุนมาแล้วทำให้มีเงินลงทุนมากพอในการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ สิ้น 3Q64 อัตราส่วน Net IBD/E ของ GULF อยู่ที่ระดับ 2.2 เท่า เทียบกับ Debt Covenant ที่ 3.5 เท่า ณ ทำให้ GULF ยังมีเงินลงทุนในโครงการอื่นได้อีกไม่น้อยกว่า 1.2 แสนล้านบาท ทำให้มีโอกาสลงทุนในโครงการใหม่ ทั้งที่เป็นแบบ Green field และแบบ M&A ได้อีกจำนวนมาก และมากพอตามแผนการใช้เงินลงทุนของบริษัทที่ 74,000 ลบ. ในช่วงปี 2565 – 2574 (ไม่รวมการ M&A) นอกจากนี้ยังมีทางเลือกในการระดมทุนผ่านการแปลงสินทรัพย์เป็นเงินทุนได้ทั้งในส่วนของ GULF เองและบริษัทร่วม

ปรับราคาเป้าหมายขึ้น … ลดคำแนะนำลงเป็น TRADING

เราใช้วิธี SOTP ในการประเมินมูลค่าแต่ละโครงการรวมเข้าด้วยกัน ปรับใช้ราคาเป้าหมาย INTUCH จากสิ้นปี 64 เป็นสิ้นปี 2565 เพิ่มขึ้นจาก 77 บาท เป็น 87.50 บาท รวมมูลค่าโครงการ Pak Lay และ Pak 64 Beng ไว้ในราคาเป้าหมายใหม่ บนสมมติฐานสัดส่วนการถือหุ้นที่ 35% และ Full COD ปี 2576 (อีก 11 ปี) และกำไรต่อ MW ที่ 5 ลบ. ได้มูลค่าเพิ่มจากทั้ง 2 โครงการนี้ที่ 2.25 บาท และ 2.76 บาท ตามลำดับ ส่งผลให้ราคาเป้าหมายใหม่สิ้นปี 2565 เพิ่มขึ้นเป็น 54.50 บาท แต่ยังมี Upside gain เพียง 7.9% จึงลดคำแนะนำลงเป็น “TRADING” ปัจจุบันเริ่มมี Valuation ค่อนข้างตึงด้วย PER65 ถึง 40.8 เท่า แต่ยังมี Upside จากการ M&A ที่คาดว่าจะเริ่มเห็นในช่วง 1H65 ช่วยลด PER และเพิ่ม Upside gain ได้ ซึ่งต้องรอความชัดเจน เราประเมินว่าที่ระดับต่ำกว่า 50 บาท น่าสนใจสะสม

- Advertisement -