Our View? ”กดดันลดน้อยลงไป”

คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,680/1,670 แนวต้านที่บริเวณ 1,695 / 1,705 คาดตลาดอาจจะยังได้รับแรงกดดันจากความตึงเครียดในวิกฤตยูเครนจากการที่สหรัฐ-อังกฤษออกเตือนรัสเซียจะเข้าบุกยูเครนเร็วๆนี้ แต่คาดว่าจะเริ่มผ่อนคลายความกังวลดังกล่าวได้มากขึ้น หลังประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียได้อนุมัติในหลักการใช้ทูตในการเจรจาข้อเรียกร้องด้านความมั่นคงของรัสเซียที่ยื่นไปก่อนหน้า คือ NATO จะไม่รับยูเครนเข้าเป็นสมาชิกรวมถึงสหรัฐ-NATO จะต้องถอนทหารออกจากกลุ่มประเทศอดีตสหภาพโซเวียต อีกท้ังทางฝั่งเยอรมนีออกมาเปิดเผยว่า NATO ยังไม่มีแผนรับยูเครนเข้าร่วมเป็นสมาชิกในขณะนี้ คาดจะช่วยลดความกดดันจากประเด็นดังกล่าวได้บ้าง

อย่างไรก็ดี เรายังคงให้น้ำหนักไปท่ีแนวโน้มการข้ึนดอกเบี้ยที่เร็วกว่าที่ตลาดคาดของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) หลังเมื่อวานนี้ FED เรียกประชุมคณะกรรมการฉุกเฉิน คาดเป็นการหารือเก่ียวกับทิศทางนโยบายทางการเงินหลังตัวเลข CPI สหรัฐเดือน ม.ค. เร่งตัวขึ้นกว่า 7.5% YoY มากกว่าท่ีตลาดคาด และสูงสุดในรอบ 40 ปี โดยล่าสุดนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธาน FED สาขาเซนต์หลุยส์ออกมาเปิดเผยว่า FED จำเป็นต้องถอนมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเร็วกว่าที่คาดไว้ รวมทั้งสนับสนุนให้ FED เร่งขึ้นดอกเบี้ย โดยเช้านี้ CME FED Watch Tools ยังคงให้น้ำหนัก FED จะข้ึนดอกเบี้ยในเดือน มี.ค. นี้ถึง 50 BPS และจะขึ้นต่อเนื่องครั้งละ 25 BPS ในแต่ละครั้งของการประชุม FOMC ในปีนี้ ซึ่งทำให้ในช่วงปลายปีนี้ดอกเบี้ยของสหรัฐจะขึ้นไปเตะระดับ 175-200 BPS คาดจะยังเป็นจิตวิทยาเชิงลบต่อการลงทุน จำกัดการฟื้นตัวของตลาดได้อยู่

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน มี.ค. เมื่อคืนน้ีปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ ปิดท่ีระดับ 95.46 ดอลลาร์/บาร์เรล +2.36 ดอลลาร์ หรือ +2.53% โดยยังคงได้รับแรงหนุนจากความตึงเครียดในวิกฤตยูเครน คาดจะยังคงหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นประคองตลาดหุ้นไทยได้อยู่

สำหรับปัจจัยภายในประเทศ เรายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการที่นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทยต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ต้นปีน้ีซื้อไปแล้วกว่า 6.16 หมื่นล้านบาท แม้จะเผชิญความกังวลจากการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของ FED ก็ตาม เราคาดจะยังหนุนหุ้นในกลุ่ม BIG Cap. ปรับตัวขึ้นได้ต่อ

อย่างไรก็ตาม เราเร่ิมเห็นจำนวนสถานะคงค้างของ SET50 Index Futures เริ่มลดลงแล้ว หลังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องต้ังแต่ช่วงก.พ.นี้ โดยลดลงสู่ระดับ 5.31 แสนสัญญาจากระดับสูงสุดก่อนหน้า 5.43 แสนสัญญา คาดเป็นปัจจัยบ่งชี้แนวโน้มการเผชิญแรงขายทำกำไรของตลาดหุ้นไทย หลังเร่งตัวขึ้นแรงในช่วงก่อนหน้าได้

ท้ังนี้เรายังแนะนำให้ทยอยซื้อสะสมหุ้นในกลุ่มค้าปลีก (MAKRO, CPALL, BJC, HMPRO, GLOBAL) ที่เริ่มกลับมามีความน่าสนใจอีกครั้ง หลัง Valuation ในปัจจุบันยังอยู่ในระดับต่ำ โดย Price/Sale ของกลุ่มอยู่ที่ระดับ 0.84 เท่า หรืออยู่ที่บริเวณ -3 S.D. จากค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีที่ระดับ 1.2 เท่า อีกทั้งคาดผลประกอบการของหุ้นในกลุ่มค้าปลีกจะเริ่มทยอยกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง หลังเศรษฐกิจไทยผ่านพ้นวิกฤต COVID-19 และผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วง 3Q’64

ขณะที่ประเด็น รมช. กระทรวงการคลังประกาศเตรียมแพ็กเกจลดภาษีรถยนต์ไฟฟ้าเสนอเข้า ครม. เร็วๆ นี้ มากสุดคันละ 1.5 แสนบาท คาดจะหนุนแรงเก็งกำไรระยะสั้นหุ้นในกลุ่ม EV Play (EA, GPSC, NEX, BCPG) ฟื้นตัวขึ้นได้อีกครั้ง

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนำวันนี้ “GPSC”

ทยอยซื้อสะสม แนวรับ 74.00 / 73.00 Target 80.00 / 84.50 Stop <72.50

- Advertisement -