บล.กรุงศรีฯ:
มาตรการส่งเสริมรถ EV จะเพิ่มอุปสงค์ที่ดินนิคมฯ (POSITIVE)
ครม.อนุมัติมาตรการส่งเสริมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนไปใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (รถยนต์นั่งส่วนบุคคล, รถกระบะและรถจักรยานยนต์) ช่วงปี 2022-2025 โดยมีเงื่อนไขให้บริษัทผลิตรถยนต์ที่ใช้สิทธิดังกล่าวผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ 1.5 เท่าของจำนวนยานยนต์ที่ได้รับสิทธิภายในปี 2024-2025 เราเชื่อว่ามาตรการนี้จะสร้างอุปสงค์ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ยานยนต์ และเพิ่มอุปสงค์ที่ดินนิคมฯ บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์นิคมฯ ทุกรายจะเป็นผู้ได้ประโยชน์หลัก หุ้นเด่นของกลุ่ม คือ AMATA และ WHA
ครม.อนุมัติมาตรการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า
15 ก.พ. ครม.อนุมัติลดภาษีและให้เงินอุดหนุนเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนไปใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) สำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถกระบะ และรถจักรยานยนต์ รายละเอียดของมาตรการตาม Fig 1 มาตรการฯ นี้มีผลกับบริษัทยานยนต์ที่มีโรงงานผลิตในประเทศไทย และในปี 2024-2025 บริษัทต้องผลิตยานยนต์ไฟฟ้า 1.5 เท่าของจำนวนยานยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับสิทธิในช่วง 2022-2023
มาตรการฯ จะเพิ่มอุปสงค์ที่ดินนิคมฯ
เรามองว่ามาตรการฯ นี้จะสนับสนุนแผนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (zero emission) ของรัฐบาล และเป้าหมายผลิตยานยนต์ไฟฟ้า 30% ของจำนวนยานยนต์ทั้งหมดที่ผลิตในประเทศในปี 2030 ซึ่งจะเพิ่มอุปสงค์ชิ้นส่วนรถยนต์ และอุปกรณ์ ได้แก่ แบตเตอรี่, ระบบควบคุมกำลัง, ระบบประจุไฟฟ้า, ระบบแปลงไฟฟ้า, ระบบจ่ายไฟฟ้า, แผงวงจรพิมพ์, อุปกรณ์และชิ้นสวนที่เกี่ยวกับระบบช่วยขับขี่ (ADAS) (ได้แก่ เซ็นเซอร์, ระบบกล้อง, ระบบประมวลผลช่วยขับขี่และระบบเบรคอัตโนมัติ), อุปกรณ์สำหรับสถานีประจุไฟฟ้า, และระบบอิเล็กทรอนิกส์ และคลาวด์ ซึ่งจะส่งผลให้อุปสงค์ที่ดินนิคมฯ เพิ่มขึ้น
หุ้นเด่นของกลุ่ม: AMATA และ WHA
เราเชื่อว่าบริษัทพัฒนานิคมฯ ทุกรายจะเป็นผู้ได้ประโยชน์จากมาตรการนี้ AMATA และ WHA มีที่ดินจำนวนมากในจังหวัดชลบุรีและระยองซึ่งเป็นคลัสเตอร์ของการผลิตรถยนต์ (ได้แก่ Mitsubishi, Hino, Triumph, GM, BMW, Ford, MG, Great Wall, Suzuki, Kawasaki, Ducati) รวมถึงได้ประโยชน์จากคลัสเตอร์ยานยนต์ที่อยู่ใกล้เคียงในจังหวัดสมุทรปราการและฉะเชิงเทรา (ได้แก่ Toyota, Isuzu, Dongfeng, Nissan, Thai Swedish และ Yamaha) ส่วน ROJNA จะได้ประโยชน์จากห่วงโซ่อุปทานของ Honda ในอยุธยาและปราจีนบุรี หุ้นเด่นของกลุ่มได้แก่ AMATA และ WHA
