Daily Focus Earnings and Value Play

2022 SET Target: 1770

ตลาดหุ้นวานนี้ :

SET Index ฟื้นตัวแข็งแกร่งกว่าคาด ปิดบวกถึง 16.76 จุด ณ สิ้นวันและยืนเหนือ 1,700 จุดได้อีกครั้ง โดยได้รับแรงหนุนจากข่าวรัสเซียถอนทหารบางส่วนออกจากชายแดนยูเครน อย่างไรก็ตาม สถาบันในประเทศยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นอีก 3.9 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่องอีก 2.9 พันลบ. (แต่ Short SET50 Index Futures เร่งขึ้นเป็น 1.5 หมื่นมีสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ :

เราคาด SET Index แกว่งตัวนกรอบ 1,695-1,708 จุด โดยปัจจัยที่ต้องติดตามยังอยู่ที่สถานการณ์ตึงเครียดในยูเครน และดูว่าจะมีการเจรจาเพื่อให้สถานการณ์ผ่อนคลายหรือไม่ ขณะที่รายงานการประชุม FED เดือน ม.ค. ที่ออกมาเมื่อคืนระบุว่า FED พร้อมที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วๆนี้ และพร้อมเริ่มลดขนาดงบดุลอย่างรวดเร็วหากจำเป็น ซึ่งแม้จะสะท้อนให้เห็นการดึงตัวของนโยบายการเงินที่เร็ว แต่ถือว่ายังอยู่ในคาดการณ์ และตลาดไม่ได้ตอบรับเชิงลบนักในแง่การเทขายสินทรัพย์เสี่ยง ส่วนปัจจัยในประเทศเรายังคงให้น้ำหนักบวกกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมากที่สุด และยังมองว่าหุ้น Domestic และ Value Play จะ ยังคงปรับตัวได้แข็งแรงกว่า โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน ธนาคาร ค้าปลีก อสังหาฯ ยานยนต์ ส่วนภาคการท่องเที่ยวจะเริ่มฟื้นตัวชัดขึ้นใน 2H22 หนุนการเติบโตระยะยาวและหนุนกระแสเงินทุนให้ยังอยู่ในแนวโน้มไหลเข้า กลยุทธ์ยังเน้นลงทุนในหุ้นที่คาดมีกำไร 4Q21 แข็งแกร่ง และ PER/PBV ไม่สูง

กลยุทธ์ : เลือกลงทุนในหุ้น Value และมีแนวโน้มกำไร 4Q21 แข็งแกร่ง

หุ้นเด่นเดือน ก.พ. : GFPT, HMPRO, PJW, SC, TKS

หุ้นเด่นวันนี้ : TKS

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 22 บาท
  • คาดกำไร 4Q21 เติบโตโดดเด่นตาม SYNEX ที่เป็น High Season ขณะที่ 1Q22 คาดยังแข็งแรงต่อเนื่อง และได้ประโยชน์จากมาตรการช้อปดีมีคืน ซึ่งผู้บริโภคนิยมซื้อสินค้า IT มากที่สุด
  • ราคาหุ้นที่ปรับลงแรง ทำให้ Upside กลับมาเปิดกว้าง และเป็นหุ้น Tech ที่เทรด PER ต่ำ เพียง 14 เท่า รวมถึงให้ Dividend Yield เกือบ 4%
  • แนวรับ 15-14.80 บาท แนวต้าน 15.50//16 บาท

Fund Flow:

2 วันที่ผ่านมา กระแสเงินทุนผันผวนไหลออกในวันอังคาร และพลิกกลับมาไหลเข้าวันพุธ สุทธิแล้วออกจากภูมิภาคเล็กน้อย US$70 ล้าน แต่กระจุกที่ไต้หวัน US$356 ล้าน ส่วนประเทศอื่นยังไหลเข้าโดยเฉพาะตลาดอาเซียน นำโดยอินโดนีเซีย US$136 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนไปในทิศทางไหลเข้า แม้รายงานการประชุม FED จะส่งสัญญาณพร้อมขึ้นดอกเบี้ยและลดงบดุล แต่ไม่ได้มากกว่าที่ตลาดคาด

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) มาตรการกระตุ้น EV ให้เงินอุดหนุน 70,000-150,000 บาทต่อคันสำหรับรถยนต์ และ 18,000 บาทสําหรับจักรยานยนต์ ส่วนด้านผู้ผลิต

    • ลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์จาก 8% เหลือ 2% และรถกระบะเป็น 0%
    • ลดอากรขาเข้ารถยนต์ที่ผลิตต่างประเทศและนำเข้าทั้งคัน (CBU) สูงสุด 40% ถึงปี 2023
    • ยกเว้นอาหารขาเข้ารถยนต์ที่ผลิตในประเทศ (CKD) จำนวน 9 รายการ

โดยค่ายรถต้องผลิตชดเชยให้เท่ากับจำนวนที่นำเข้า CBU ช่วงปี 2022-2023 ในปี 2024 แต่ขยายเวลาได้ถึง 2025 ในอัตราส่วน 1.5 เท่า โดยจะผลิตรุ่นใดก็ได้ แต่รถที่ราคา 2-7 ลบ.ต้องผลิตรุ่นเดียวกันกับที่นำเข้ามา

เรามองบวกต่อกลุ่มยานยนต์ไทยระยะยาว ชอบ STANLY (ราคาเป้าหมาย 250 บาท) มากสุด ส่วน EA (ราคาเป้าหมายจาก FSSIA 122 บาท) ได้ประโยชน์สูงสุดโดยตรง โดยเฉพาะธุรกิจแบตเตอรี่ รวมถึง NEX (ราคาเป้าหมายจาก FSSIA 25 บาท) ที่จะได้ประโยชน์ในส่วนรถเชิงพาณิชย์ที่ได้เปรียบด้านภาษีเทียบกับผู้นำเข้า

(0) DELTA กำไรปกติ 4Q21 +38% Q-Q, +19% Y-Y ดีกว่าคาด 11% และทำจุดสูงสุดในรอบ 5 ไตรมาส จากรายได้ที่ทำจุดสูงสุดใหม่ และค่าใช้จ่ายที่ลดลง คาดกำไรจะเร่งตัวขึ้นใน 1H22 ภายหลังปัญหา Raw Material shortage เริ่มคลี่คลาย เรายังคาดกำไรสุทธิปี 2022-2023 +51% Y-Y และ +10% Y-Y ตามลำดับ คงราคาเป้าหมาย 330 บาท อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นยังเต็มมูลค่า จึงยังคงคำแนะนำ “ขาย”

(+) DCC กำไร 4Q21 +6% Q-Q, +7% Y-Y ดีตามคาดจากยอดขายที่แข็งแรง หนุนทั้งปี 2021 จบ +7% Y-Y ทำ New High แนวโน้มปี 2022 คาดยังดีต่อเนื่องตามเศรษฐกิจและภาคก่อสร้างที่พื้น ส่วนด้านต้นทุนชดเชยได้จากการปรับขึ้นราคาขายเต็มปี และ Product Mix ที่ดีขึ้นจากกระเบื้องแผ่นใหญ่ เราคาดกำไรปี 2022 +5% Y-Y คงราคาเป้าหมาย 3.60 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(+) TOP กำไรสุทธิ 4Q21 +142% Q-Q, -31% Y-Y หนุนด้วย Inventory Gain ตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ  ธุรกิจโรงกลั่นแข็งแกร่งตามค่าการกลั่นที่เร่งตัวขึ้นตามการ Reopening และชดเชยธุรกิจอื่นๆที่ชะลอ ทั้งปิโตรเคมีและน้ำมันหล่อลื่น จบปี 2021 มีกำไรสุทธิ 1.26 หมื่น ลบ.พลิกจากขาดทุนปีก่อน แนวโน้มกำไร 1H22 คาดยังสดใสจากค่าการกลั่นที่ยังคงสูงอย่างต่อเนื่อง ราคาหุ้นยังเทรด BV และมี Upside เทียบกับราคาเป้าหมายของ FSSIA ที่ 67 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ”

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 54.57 จุด หรือ 0.16% ปิดที่ 34,934.27 จุด หลังจากรายงานการประชุมของเฟดระบุว่าการพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ยขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์ข้อมูล และกลับมาประเมินไทม์ไลน์เรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมแต่ละครั้ง รวมถึงหนุนจากการเปิดเผยยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 3.8% M-M ในเดือนม.ค. 2022 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 2.1% และเทียบกับ -2.5% ในเดือนธ.ค. 2021

(0) ตลาดหุ้นยุโรป ปรับตัวผสม ท่ามกลางติดตามสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างยูเครนและรัสเซีย

(0) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับตัวผสม ท่ามกลางติดตามสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมถึงออสเตรเลียรายงานอัตราว่างงานเดือนม.ค. ในเช้านี้

(+) ค่าเงินบาท แข็งค่าขึ้น ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 32.34 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 1.59 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 93.66 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครน หลังจากองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ระบุว่ารัสเซีย ยังคงเสริมกำลังทหารตามชายแดนยูเครน

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 15.3 ดอลลาร์ หรือ 0.82% ปิดที่ 1,871.5 ดอลลาร์/ออนซ์ ในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1,019.44 / +-

- Advertisement -