บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

Action

BUY (Maintain)

TP upside (downside) +29.0%

Close Feb 15, 2022 Price (THB) 4.96

12M Target (THB) 6.40

Previous Target (THB) 8.80

What’s new?

  • ผู้บริหารปรับลด Guidance รายได้ปี 2565 ลงจาก Guidance ก่อนหน้าที่เคยให้ขั้นต่ำ 3.3 พันล้านบาท และมีโอกาสทำได้ถึงระดับ 4-5 พันล้านบาท แต่ในประชุมครั้งนี้ปรับ Guidance ลดลงเหลือ 3.3 พันล้านบาท (แบบรวม Potential Upside แล้ว) เนื่องจาก ปัญหาการขาดแคลน Raw Materials ที่ลากยาวกว่าที่คาด

Our View

  • เราปรับลดประมาณการกำไรปกติปี 2565 ลง 14% เพื่อสะท้อนการการผลิตที่ทำได้ไม่เต็มศักยภาพ จากผลกระทบการขาดแคลน Raw Materials
  • เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” อิงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 6.40 บาทต่อหุ้น (อิง PER 20x) ราคาหุ้นปรับตัวลงก่อนหน้าจนมี Downside จำกัดแล้ว แต่ที่ระดับราคาปัจจุบัน เราให้ HANA เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า

STAR MICROELECTRONICS SMT ปรับเป้ารายได้ลง…แต่ราคาหุ้นรับข่าวร้ายไปแล้ว

สรุปสาระสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์… มุมมองเป็นลบ

1) เราคาดผลประกอบการ 4Q64 ที่ 57 ล้านบาท (-2% QoQ, +102% YoY) เติบโต YoY จากฐานต่ำ แต่ ทรงตัว QoQ ซึ่งต่ำกว่าที่ผู้บริหารเคยให้ Guidance 4Q64 ว่าจะเติบโตแรง QoQ YoY แม้คำสั่งซื้อใน 4Q64 จะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ 3Q64 แต่ผลกระทบจากปัญหาขาดแคลน Raw Materials หนักกว่าที่คาด

2) จาก 4Q64 ที่ต่ำกว่าคาด ทำให้เราคาดกำไรปกติทั้งปี 2564 จะออกมาต่ำกว่าประมาณการทั้งปีของเราที่ 240 ล้านบาท (+204% YoY) เบื้องต้นเราคาดกำไรปกติปี 2564 ที่ราว 213 ล้านบาท (+170% YoY) (เราจะปรับประมาณการปี 2564 อีกครั้ง ตามตัวเลขจริงบนงบการเงิน ซึ่งจะรายงานในวันที่ 17 ก.พ. 65)

3) Outlook 1H65 ผู้บริหารมองว่าจะยังคงได้รับผลกระทบจากปัญหาขาดแคลน Raw Materials ทำให้ยังกดดันผลประกอบการในช่วง 1H65 แต่คาดกำไรยังเติบโตได้ QoQ จากยอดคำสั่งซื้อที่แข็งแกร่ง ทยอยสูงขึ้นรายไตรมาส  ในเบื้องต้นผู้บริหารประเมินผลกระทบจากการขาดแคลน Materials ที่ทำให้ไม่สามารถผลิตได้ตามยอดคำสั่งซื้อราว 20% แต่คาดปัญหาดังกล่าวจะคลี่คลายได้ในช่วง 2H65

4) ภาพทั้งปี 2565 ผู้บริหารปรับลด Guidance รายได้ลงจากก่อนหน้าเคย Guidance ไว้ที่ระดับ 3.3 พันล้านบาท และมีโอกาสสูงที่จะมี Upside เพิ่มจากลูกค้าใหม่ที่กำลังขึ้นการผลิต ซึ่งอาจทำให้รายได้ทั้งปี 2565 ขึ้นไปแตะที่กรอบ 4-5 พันล้านบาท อย่างไรก็ดี ในการประชุมครั้งนี้ผู้บริหารปรับเป้ารายได้เหลือ 3.3 พันล้านบาท (+50% YoY) แบบรวม Potential Upside ที่จะเกิดขึ้นแล้ว ปัจจุบันมีคำสั่งซื้อที่ได้รับการยืนยันแล้ว 65% หรือราว 2.2 พันล้านบาท ขณะที่เป้าหมายปี 2565 ขึ้นอยู่กับการจัดการปัญหาด้าน Raw Materials เป็นสำคัญ หากทำได้ช้า การเติบโตที่ระดับ 50% อาจเป็นความท้าทายของบริษัทฯ

5) ในปี 2565 ผู้บริหารมองว่ายอดขายที่เพิ่มขึ้นยังไม่จำเป็นต้องลงทุน CAPEX เช่น พื้นที่โรงงาน หรือ เครื่องจักรเพิ่มเติมอย่างมีนัยสำคัญ โดยให้ Guidance ว่ากำลังการผลิตสามารถรองรับได้ถึงยอดขายราว 4-5 พันล้านบาท  การขึ้นสายการผลิตใหม่จะใช้การจ้างพนักงานรายวันเพิ่มขึ้นเป็นสำคัญ แต่คาดไม่มีผลกระทบต่อต้นทุนอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากค่าแรงพนักงานคิดเป็นเพียง 2% ของรายได้รวม

ปรับประมาณการและราคาเหมาะสมปี 2565 ลง แต่ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”

เราปรับลดประมาณการกำไรปกติเบื้องต้นของ SMT ในปี 2565 ลง 14% เป็น 297 ล้านบาท (+24% YoY) หลักๆ จาก 1) ปรับลดสมมติฐานรายได้ลงเหลือ 3,042 ล้านบาท (+17% YoY) เพื่อใส่ผลกระทบการขาดแคลน Raw Materials ที่อาจทำให้ยอดขายจริงไม่แข็งแกร่งเท่าคำสั่งซื้อ และ 2) ปรับลดสมมติฐาน GPM ลงเป็น 19% จาก 20% โดยเรายังคงสมมติฐานจำนวน Warrant ทยอย Exercise ใกล้เคียงกันในช่วง 1Q65-2Q67

เราปรับราคาเหมาะสมลงเป็น 6.40 บาทต่อหุ้น (อิง PER20x)

เราให้ SMT ซื้อขายที่ PER ต่ำลงจาก 24x เหลือ 20x เพื่อให้สะท้อนผลของ Bond Yield ที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่บนราคาเหมาะสมใหม่ เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” จาก Downside ที่จำกัดแล้ว

ในเชิงกลยุทธ์ หากอิงประมาณการของเรา SMT จะซื้อขายที่ PER65 ที่ 15.5x ต่ำกว่าหุ้นตัวนำในกลุ่ม อย่าง DELTA และ KCE อย่างมีนัยสำคัญ แต่ใกล้เคียงกับ HANA ดังนั้น ที่ระดับราคาปัจจุบัน เราให้ HANA เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าจาก Execution Risk ที่ต่ำกว่า

ความเสี่ยงสำคัญ ได้แก่ 1) รายได้มีความไม่แน่นอนอาจทำให้ประมาณการกำไรคลาดเคลื่อน 2) การกระจุกตัวของ Order ลูกค้า 3 รายใหญ่ (ราว 40% ของรายได้รวม) และ 3) ความผันผวนของค่าเงิน THB/USD และราคาต้นทุน Material ที่เพิ่มขึ้น

- Advertisement -